ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด คณะกรรมการฯ ผอ.โรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ ตัวแทนภาคธุรกิจเอกชน กว่า 40 คน เข้าร่วมการประชุม

นายภานุ เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าวเพื่อติดตามและกำหนดมาตรการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจังหวัด โดยสถานการณ์โรคติดไวรัสโควิด ได้กระจายในหลายอำเภอของ จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม (ระลอกเดือนเมษายน) 4,843 ราย เสียชีวิตสะสม 38 ราย ซึ่งที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ ตลาดเจ้าพรหม หลังจากการตรวจเชิงรุกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา 600 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 98 ราย เป็นต่างด้าว 15 ราย

ทั้งนี้ทาง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มอบหมายให้เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการจัดหาสถานที่ทำ Community Isolation โดยด่วนเพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชนและจำกัดวงของการแพร่ระบาดอีกด้วย รวมทั้งพิจารณาแนวทางการวางมาตรการตามคำสั่ง ศบค.ที่ 10/2564 ยกระดับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ใน 13 จังหวัด และข้อกำหนดแห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 28 กำหนดมาตรการและข้อปฏิบัติที่จำเป็นและเร่งด่วน เพื่อลดการออกนอกเคหสถานของประชาชน อันเป็นเหตุให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ของโรคโควิด

โดยให้ปฏิบัติเป็นระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 14 วัน (จนถึง 2 ส.ค. 64) ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.64 เป็นต้นไป เว้นเฉพาะมาตรการขนส่งสาธารณะตามข้อ 6 ให้มีผลวันที่ 21 ก.ค. 64 เป็นต้นไป พร้อมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยการสนับสนุนของ กทม. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดําเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนอาสาสมัครและจิตอาสา ในการให้ความช่วยเหลือและกระจายสิ่งอุปโภคบริโภคที่จําเป็นแก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

นายภานุ ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากมีจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพ ซึ่งสถานการณ์ในจังหวัดแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ ศบค. ยกระดับพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพื่อชะลออัตราการระบาดที่รุนแรงของโรค ต้องหยุดยั้งการกระทําใดๆ ก็ตามที่เป็นความเสี่ยงหรือเป็นเหตุให้เชื้อโรคแพร่ระบาดออกไป โดยทางจังหวัดจะกำหนดมาตรการต่างๆให้สอดคล้องตามคำสั่งและข้อกำหนดของ ศบค. ให้ประชาชนงดออกนอกเคหสถานเวลา 21.00-04.00 น.ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.-2 ส.ค.นี้  รวมถึงการขอความร่วมมือลดการเดินทาง การจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดําเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. ห้ามการบริโภคในร้าน และให้ดําเนินการเฉพาะการนํากลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น

สำหรับห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดให้บริการได้เฉพาะแผนกซูเปอร์มาร์เกต แผนกยาและเวชภัณฑ์พื้นที่ซึ่งจัดให้เป็นการให้บริการฉีดวัคซีน หรือบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นๆ ของภาครัฐโดยให้เปิดดําเนินการได้ จนถึงเวลา 20.00 น. โรงแรม เปิดดําเนินการได้ตามเวลาปกติ ให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา หรือการจัดเลี้ยง ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด เปิดดําเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจํากัดเวลาสําหรับร้านสะดวกซื้อซึ่งตามปกติเปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืน ให้ปิดให้บริการในระหว่างเวลา 20.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการ ที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้  และห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันมากกว่าห้าคน ให้เป็นไปตามข้อห้ามและข้อยกเว้นตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24) ทั้งนี้ทางจังหวัด มุ่งหวังให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง โดยเฉพาะการติดเชื้อภายในครอบครัว จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่ทางจังหวัดได้มีประกาศคำสั่งโดยปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด