เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 ก.ค. ที่รัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 แถลงถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 65 ในส่วนกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ว่า ในช่วงเริ่มต้นประชุม กมธ. กองทัพเรือ แจ้งขอถอนวาระจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ออกจากวาระประชุม แต่ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ของเรือดำน้ำที่ยังค้างอยู่ไม่มีการถอนตามไปด้วย อาทิ การสร้างท่าเทียบเรือดำน้ำ และโรงซ่อมเรือดำน้ำ ที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท ทั้งนี้ มีข้อสังเกตในงบกระทรวงกลาโหมที่มีความพยายามพิจารณาแบบรวบรัดให้พิจารณางบรวดเดียว 8 หน่วยงาน ของกระทรวงกลาโหม ไม่ได้แยกทีละหน่วยงานเหมือนกระทรวงอื่นๆ ทั้งที่งบกลาโหมมีมากถึง 2 แสนกว่าล้านบาท และอยู่ในความสนใจของประชาชน นอกจากนี้ ยังมี กมธ.งบฯ ฝ่ายรัฐบาล เสนอให้ประชุมลับงบกระทรวงกลาโหม แต่ฝ่ายค้านไม่ยอม เพราะข้อมูลที่จะซักถามไม่ใช่ข้อมูลลับ ไม่รู้ต้องการปกปิดข้อมูลอะไรหรือไม่ แต่ในที่สุดที่ประชุม กมธ.ไม่อนุญาตให้ประชุมลับ
ด้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. กล่าวว่า ระหว่างที่อภิปรายเรื่องงบกระทรวงกลาโหม ถูกขัดขวางจากนายสันติ พร้อมพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธาน กมธ.ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ไม่ให้เปิดเผยหนังสือที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร.) ทำหนังสือถึงรัฐบาลจีน เพื่อเร่งรัดการลงนามสัญญาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ให้ทันวันที่ 30 ก.ย. 2563 ก่อนที่ พล.ร.อ.ลือชัย จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตเป็นการทำสัญญาแบบจีทูจีจริงหรือไม่ รวมถึงรายละเอียดการจัดซื้อเรือแอลพีดีหรือเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ มูลค่า 6,200 ล้านบาท ที่ พล.ร.อ.ลือชัย ขอให้รัฐบาลจีนช่วยติดอาวุธให้เรือดังกล่าว ทั้งที่เรือลำนี้เป็นเรือรบ แต่เหตุใดตอนไปซื้อกลับไม่มีอาวุธให้ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในหนังสือดังกล่าวต่อที่ประชุมได้ เพราะถูก กมธ.ฝ่ายรัฐบาลขัดขวาง
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่กองทัพเรือถอนวาระจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ออกไปนั้น ไม่ใช่การยกเลิกการจัดซื้อ เป็นแค่การเลื่อนการจัดซื้อออกไปเป็นปีหน้า แต่ฝ่ายค้านต้องการให้ยกเลิกการจัดซื้อไปเลย เพราะประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ประชาชนกำลังเดือดร้อน และไม่ใช่แค่การยกเลิกซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ แต่ฝ่ายค้านต้องการให้ยกเลิกงบกองทัพเรือที่ขอจัดซื้อโดรนป้องกันชายฝั่ง มูลค่า 4,500 ล้านบาท และโครงการสร้างระบบวิทยุสื่อสารเรือดำน้ำ 300 ล้านบาท ที่เป็นออพชั่นมากับเรือดำน้ำ และถูกเสนอขอมาในงบรายจ่ายปี 65 ควรถูกตัดทิ้งไปทั้งหมดด้วย จะเสนอให้โหวตในที่ประชุม กมธ.ตัดงบทั้ง 2 ส่วนนี้ทิ้ง ไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาในชั้นอนุ กมธ.อีก เพราะไม่มีความจำเป็นต้องจัดซื้อในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะหากรวมทั้งเรือดำน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้องด้วยแล้ว จะมีมูลค่ารวมถึง 45,000 ล้านบาท ดังนั้นต้องตัดทิ้งทั้งหมด
นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่โฆษกระทรวงกลาโหม ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งให้ถอนเรื่องเรือดำน้ำ 2 ลำออกไป เพราะเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชนนั้น เหตุที่ต้องถอน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ใจดำ ปากกลับใจไม่ตรงกัน ถ้าพวกตนไม่ฟ้องสื่อจะยอมถอนหรือไม่ อย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ตนพร้อมเอาชีวิตเข้าแลกเพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่กลัวตาย พร้อมสู้ทุกคดีและเอาชีวิตเป็นเดิมพัน รวมทั้งจะเอาข้อมูลใหม่มาแฉ และเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย.