กรมศุลกากรเวียดนามเผยข้อมูล มูลค่าการค้าทวีภาคี ข้ามฟากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เวียดนาม-สหรัฐ สูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ถึง 111,560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3,671,770 ล้านบาท) ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเกือบ 21,000 ล้านดอลลาร์ (691,173 ล้านบาท) จากปีก่อนหน้า

ตัวเลขน่าประทับใจ ทำให้สหรัฐกลายเป็นหุ้นส่วนการค้า รายใหญ่สุดอันดับ 2 ของเวียดนาม รองจากจีน มูลค่าการส่งออก-นำเข้าสินค้า สูงเกิน 100,000 ล้านดอลลาร์

ในรอบปีที่แล้ว เวียดนามส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ รวมมูลค่าเกือบ 96,300 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 25% คิดเป็นสัดส่วน 28.6% ของสินค้าส่งออกทั้งหมดของประเทศ

สินค้าส่งออกหลักของเวียดนามไปยังสหรัฐ ได้แก่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์และชิ้นส่วน รวมมูลค่า 17,820 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 46% จากปี 2563 สิ่งทอและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม 16,100 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 15% คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ 12,760 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 23% โทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนอะไหล่ 9,690 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 10.3% รองเท้า 7,420 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 18% ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 8,800 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 23%

ตลอดปี 2564 เวียดนามนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ รวมมูลค่าเกือบ 15,270 ล้านดอลลาร์ สินค้าหลักได้แก่ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกล อุปกรณ์และชิ้นส่วนเครื่องจักร

บุ่ย ฮุย เซิน ที่ปรึกษาสำนักงานการค้าเวียดนามในสหรัฐ เผยต่อสำนักข่าวเวียดนาม นิวส์ ว่า มูลค่าการค้า 2 ทาง เวียดนาม-สหรัฐ ซึ่งสูงขึ้นผ่านหลัก 100,000 ล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในปี 2564 ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีอุปสรรคใหญ่หลายอย่าง โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการติดขัดของห่วงโซ่อุปทาน และการขนส่งสินค้าทั่วโลก

กิจกรรมธุรกิจที่มีพลังและยืดหยุ่น ในชุมชนธุรกิจของ 2 ประเทศ ทำให้การค้าและการลงทุนทวิภาคีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นักธุรกิจเวียดนามหอบเงินเข้าไปลงทุนในสหรัฐมากขึ้น และเที่ยวบินโดยสารสายตรง เชื่อมต่อ สหรัฐ-เวียดนาม เพิ่มเริ่มกลับมาให้บริการ ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา

เพื่อเป็นการเร่งการค้าทวิภาคี เซินเรียกร้องให้สานต่อควาามพยายาม โดยเริ่มจากด้านนโยบายเป็นอันดับแรก ทั้ง 2 ฝ่ายควรรักษาช่องทางเจรจราไว้ แบ่งปันข้อมูลข่าวสาร และส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้นอีก เพื่อให้การตรวจสอบ และประสานงานแก้ไขปัญหา มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจจำเป็นต้องคว้าโอกาส โดยเฉพาะจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสำนักทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่า อัตราเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ จะ “ค่อนข้างสูง” ในปี 2565

หลังความสัมพันธ์ถูกตัดขาดนาน 20 ปี รัฐบาลสหรัฐในยุคประธานาธิบดีบิล คลินตัน ประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อีกครั้ง เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2538 และถัดมาในเดือน ส.ค.ปีเดียวกัน ทั้ง 2 ประเทศยกระดับสำนักงานประสานงาน ที่ประจำอยู่ในประเทศของอีกฝ่าย เป็นสถานเอกอัครราชทูต และสหรัฐเปิดสถานกงสุล ในเมืองโฮจิมินห์ ทางภาคใต้ของเวียดนาม ขณะที่เวียดนามเปิดสถานกงสุล ที่เมืองซานฟรานซิสโก บนฝั่งตะวันตกของอเมริกา

รัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิก มาตรการปิดล้อมทางการค้าต่อเวียดนาม ที่บังคับใช้มานาน 30 ปี ในเดือน ก.พ. 2537

ปัจจุบันมีชาวเวียดนาม หรือชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม อาศัยอยู่ในดินแดนอเมริกา กว่า 2.1 ล้านคน เกือบครึ่งของจำนวนชาวเวียดนามที่ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนทั้งหมด โดยชาวเวียดนามในสหรัฐส่วนใหญ่ อพยพไปตั้งรกราก ช่วงหลังสิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 2518.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES