เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล นำโดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล นายณัฐพงษ์​ เรืองปัญญาวุฒิ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ได้ร่วมกันแถลงข่าวออนไลน์ เพื่อสะท้อนสถานการณ์โควิด-19 ที่เป็นปัญหาจริงในพื้นที่ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ไม่ใช่มาตรการแบบลูบหน้าปะจมูกดังที่ผ่านมา   

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีข้อสังเกตเพื่อสะท้อนไปยังรัฐบาลใน 6 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นเเรก การใช้ชุดตรวจ Rapid antigen test เพื่อคัดกรองหาผู้ติดเชื้อ รัฐบาลไทยนำมาตรการนี้มาใช้ล่าช้ากว่าต่างประเทศหลายเดือน และเพิ่งจะมาปลดล็อกไม่นานมานี้ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องรับรองให้ผลตรวจจาก Rapid antigen test สามารถลงทะเบียนเพื่อใช้รักษาในกระบวนการ Home Isolation ได้ทันที โดยไม่ต้องรอผลตรวจแบบ RT PCR ประเด็นที่สอง การเเสดงผลตัวเลขผู้ติดเชื้อจากผลตรวจ RT PCR ไม่สามารถทำให้รับทราบผลของผู้ติดเชื้อจริงว่ามีเท่าไร หลังจากที่มีการตรวจชัดเจนเเล้ว รัฐบาลจะต้องมีความโปร่งใส โดยแยกตัวเลขจากผลตรวจ RT PCR และตัวเลขจาก Rapid antigen test เพื่อให้ประชาชนได้ทราบอย่างชัดเจน ประเด็นที่สาม การสื่อสารให้ชัดเจน อย่างในเรื่องของ Home Isolation รายละเอียดเป็นอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข้อมูล เมื่อรู้ว่ามีผู้ติดเชื้ออยู่บ้านไหน รัฐจะต้องส่งอุปกรณ์ทางการเเพทย์ไปให้อย่างเร่งด่วน อย่างกรณีญี่ปุ่น เมื่อมีการทำ Home Isolation ทางรัฐบาลส่งเครื่องวัดออกซิเจนให้กับประชาชนทุกบ้าน เพื่อประเมินความหนักเบาของอาการ ช่วยประคองชีวิตประชาชน ลดความสูญเสียได้ในหลายอัตรา 

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สี่ ศูนย์พักคอย เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก กรณีของเขตบางแคมีกว่า 40 ชุมชน ไม่ใช่ทุกครัวเรือนจะมีฐานะ หลายครอบครัวต้องอาศัยอยู่รวมกัน เมื่อใครคนหนึ่งติดเชื้อจึงป้องกันได้ยาก ประเด็นที่ห้า บุคลากรทางการเเพทย์และสาธารณสุข ยังไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาเป็นเกราะป้องกัน ซึ่งพวกเขาควรต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด แต่เรายังได้รับการข้อมูลมาว่า ขณะนี้ยังมีทีมแพทย์เเละพยาบาลที่ปฏิบัติงานจำนวนหนึ่ง ในโรงพยาบาลหลายแห่ง ไม่ได้รับการตรวจเชื้อโควิดอย่างเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยอ้างว่าใช้ต้นทุนสูง เรื่องนี้จึงขอให้รัฐแก้ไขอย่างเร่งด่วน ประเด็นสุดท้าย งานธุรการเอกสาร คิดว่าต้องพอได้เเล้วสำหรับยุคปัจจุบันที่รัฐบาลบอกว่าจะเป็นรัฐบาลดิจิทัล แต่กลับยึดติดกับงานเอกสาร ต้องบอกว่า ขณะนี่ทุกๆ งานเอกสารกำลังหมายถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น เพราะการรอใบตรวจ หรือผลตรวจที่ต้องการเอกสารยืนยัน แต่นี่คือต้นทุนชีวิตที่ประชาชนต้องสูญเสียไป เป็นอีกเรื่องที่ขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการปรับปรุงแก้ไข 

ด้านนายเท่าพิภพ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ หากรัฐบาลต้องการล็อกดาวน์ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เเต่จะต้องมีการเยียวยาอย่างเหมาะสมออกมาด้วย เเต่อย่างเช่นเคย เหมือนรัฐบาลยังไม่ได้คิดอะไรนอกจากสั่งล็อกดาวน์ทำตามอำเภอใจผ่านการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกำลังจะล็อกดาวน์เพิ่มอีก 3 จังหวัด ซึ่งความรู้สึกของประชาชนจากการที่ตนลงพื้นที่รับฟังมา เขาต้องการรู้ว่ารัฐบาลจะเยียวยาอะไรเขาบ้างเมื่อมีคำสั่งออกมา และหาก 14 วันไม่ดีขึ้น รัฐบาลจะทำอย่างไรต่อ ต้องมีขั้นตอน มีความชัดเจนให้เขาวางแผนได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าหากยังไม่มีการตรวจเชิงรุก หรือเพิ่ม ICU สนาม ล็อกดาวน์ไปก็ไม่มีประโยชน์  

นายเท่าพิภพ กล่าวต่อว่า อยากฝากให้รัฐบาลรวมศูนย์อำนาจในการจัดหาเตียงมาที่ ศบค. อย่างชัดเจน และจัดทำแอพพลิเคชั่นในการลงทะเบียนเพื่อความรวดเร็วและโปร่งใส จะได้ไม่มีข้อครหา ว่าการหาเตียงให้ผู้ป่วยเอื้อเเต่คนรวย กลุ่มอภิสิทธิ์ชน รัฐบาลต้องทำระบบให้เป็นระบบเดียว วันนี้มีผู้ป่วยกว่า 1.2 หมื่นคน แต่ประชาชนกลับไม่เห็นอนาคตเเละสิ้นหวังจากรัฐบาล ขอให้ดูเเลสภาพจิตใจประชาชนด้วย เเละควรจัดทำศูนย์พักคอย และ ICU สนามเพิ่มเติมสำหรับผู้ป่วยสีเเดงได้แล้ว 

ด้านนายณัฐชา กล่าวต่อว่า อีกปัญหาที่ถูกละเลยจากภาครัฐคือ การดูแลพี่น้องผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะเเรงงานข้ามชาติที่มีอยู่เป็นจำนวนมากใน กทม. ยกตัวอย่าง ชุมชนวงเเหวนชัชวาล เทียนทะเล 26 ซึ่งมีเเรงงานข้ามชาติมากกว่า 2,000 ราย ที่ยังไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือไม่มีการตรวจเชิงรุกในกลุ่มนี้ทั้งที่เป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดคลัสเตอร์ใหม่อย่างมาก เพราะเป็นแหล่งโรงงานและบริษัทเอกชน รวมถึงมีชุมชนอยู่โดยรอบ อย่างบางโรงงานหรือบริษัทเมื่อทดลองตรวจเชิงรุกกันเอง จาก 30-40 คน พบการติดเชื้อถึง 20 คน เรียกว่าพบเป็นร้อยละ 60% ของผู้ได้รับการตรวจเชิงรุกโดยประมาณ ปัญหาก็คือ พบแล้วก็ไม่สามารถที่จะควบคุมการกระจายของเชื้อได้เลย หากรัฐบาลยังคงนิ่งเฉยแบบนี้  

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ในฐานะที่พรรคก้าวไกลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่า กทม.ยังคงวิกฤติในทุกพื้นที่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 1 หมื่นราย ติดต่อกันมา 3 วัน ยอดผู้เสียชีวิตเเตะ 100 ทุกวัน ยังมีปัญหาทั้งด้านการจัดสรรเตียงให้ผู้ป่วย การตรวจเชิงรุก และการบริการทางด้านสาธารณสุข การดูเเลหลังพบการติดเชื้อ หรือ Home Isolation ที่ยังไม่มีเเนวทางที่ชัดเจน รวมถึงกระบวนการฉีดวัคซีนที่ไม่มีความแน่นอน พี่น้องประชาชนยังไม่รู้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนประเภทไหนวันไหน จึงคิดว่าถึงขณะนี้ รัฐบาลนี้ก็ยังคงไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้เลย