เมื่อวันที่ 17 ก.ค. สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แจ้งว่า นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ขอความร่วมมือให้  กพท. เน้นย้ำมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต สำหรับคนไทยจากต่างจังหวัดและคนต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 15-31 ก.ค.64 โดยขอให้ผู้โดยสารตรวจสอบมาตรการของจังหวัดภูเก็ตที่ประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.ค.64 เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการเดินทาง ซึ่งจังหวัดภูเก็ตได้ยกระดับความเข้มข้นของมาตรการและบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งมีผลจนถึงวันที่ 31 ก.ค.64

สำหรับมาตรการฯ มีดังนี้ 1. การเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ท่าเรือทุกท่า และช่องทางภายในประเทศทางท่าอากาศยานภูเก็ต ผู้เดินทางยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือได้รับวัคซีน AstraZeneca 1 เข็ม อย่างน้อย 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ไม่เกิน 90 วัน หรือได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับการตรวจ อย่างไรก็ตามกรณีที่เป็นนักเรียน-นักศึกษาอายุไม่ถึง 18 ปี ที่จำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออก จ.ภูเก็ต เพื่อการเรียนการศึกษา ให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษา หรือศึกษาธิการจังหวัด ออกบัตรประจำตัวเป็นรูปแบบเดียวกัน แสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางผ่านเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR และออกใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือน

นอกจากนี้ผู้ที่เดินทางทุกคนต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ขณะเดียวกันต้องแสดงเอกสารหลักฐานต่างๆ ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมกันนี้ให้สังเกตติดตามอาการตนเองตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค หากพบอาการป่วย หรือสงสัยว่ามีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ให้พบแพทย์ด่วน อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ด้วย