จากการคว้า 3 แชมป์ต่อเนื่องเมื่อต้นปี 2021 กับอีก 5 แชมป์ติดต่อกันในปลายปีที่ปิดท้ายด้วย “แชมป์โลก” ซึ่งส่งให้ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ครองบัลลังก์คู่ผสมมือ 1 ของโลกเมื่อสิ้นสุดปีค.ศ. 2021 ถือเป็นความยอดเยี่ยมที่วงการลูกขนไก่โลกต้องจารึกไว้ แต่กว่าจะได้ผลลัพธ์จนก้าวไปสู่ “ความสำเร็จ” ที่ยิ่งใหญ่ ต้องผ่านกระบวนการ ขั้นตอนการทำงานอย่างหนักและเป็นระบบจากการผนึกกำลังกันของทีมงาน “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี” ที่ประกอบด้วย ทีมวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งมี ศ.ดร.เจริญ กระบวนรัตน์ เป็นแม่ทัพ และทีมผู้ฝึกสอนที่มี “โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาส เป็นหัวหน้า ได้เปิดเผยเบื้องหลังการทำงานก่อนไปสู้ศึกอันแสนทรหด 3 เดือนต่อเนื่อง

ศ.ดร.เจริญ กระบวนรัตน์ เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ที่โควิด 19 ระบาดเมื่อปี 2020 ทำให้การแข่งขันแบดมินตันทั่วโลกต้องยกเลิก จึงถือเป็นโอกาสดีที่บาสและปอป้อจะได้มีเวลาฝึกซ้อม ปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่องอย่างเต็มที่ถึง 9 เดือนก่อนจะมาคว้า 3 แชมป์ต่อเนื่องเมื่อต้นปี 2021 แต่ความสำเร็จดังกล่าวกลายเป็นดาบสองคม ที่แม้ทั้งคู่จะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองจากชัยชนะที่ได้รับ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับความกดดันจากความหวังของคนไทยทั้งประเทศลงสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในอีก 6 เดือนถัดมา บวกกับการเสพข่าวสารจากสื่อโซเชียลที่มีทั้งเสียงชื่นชม และคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา จนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างไม่รู้ตัว ผลก็คือ บาส-ปอป้อไม่สามารถเล่นอยู่ในฟอร์มของตัวเองได้จนทำให้ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ

“นักกีฬาระดับโลก ต่างมีทักษะและฝีมือการเล่นที่ไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เป็นตัวชี้ขาดในชัยชนะคือ เรื่องของจิตใจและการมีสมาธิกับเกมส์การเล่น เราต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปคิดถึงผลแพ้ชนะ อย่ายึดติดกับอดีต หรือคิดถึงอนาคต ไม่ต้องสนใจสิ่งที่เสียไปแล้ว หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ให้เราโฟกัสในแต่ละแต้มที่เล่นเท่านั้น”

บทเรียนจากโอลิมปิกเกมส์ ทำให้ทีมงานได้วางแผนการฝึกซ้อมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนกระทั่งได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนที่แม้ทั้งคู่จะลงแข่งขัน 9 รายการในระยะเวลา 3 เดือนติดต่อกันจนสภาพร่างกายเริ่มแสดงความอ่อนล้าให้เห็น แต่สภาพจิตใจทั้งสองคนกลับนิ่งและมีสมาธิในเกมส์การแข่งขันได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งทั้งบาสและปอป้อได้ช่วยกันเล่น ช่วยกันคิด ช่วยเตือนสติกันและกันในสนามแข่งขันไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาวะกดดันแค่ไหนก็ตาม

“ความนิ่งจะทำให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ อะไรที่ตั้งใจไม่ใช่ธรรมชาติ เช่นตั้งใจเล่น จะทำให้เกิดความเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ”
ขณะที่การเตรียมความพร้อมจะเน้นรายละเอียดสำคัญด้านร่างกายและเทคนิคทักษะที่เราเตรียมไว้สำหรับการเล่นมากขึ้น ส่วน “ปอป้อ” ที่ลงเล่นทั้งประเภทคู่ผสมและหญิงคู่ ก็จะต้องมีสภาพร่างกายที่ฟิตหรือแข็งแกร่งเป็นพิเศษกว่าคนอื่น

“ก่อนไปแข่งขัน เราไม่ได้คาดหวังอะไรไกลเกินตัว ไม่สอนให้นักกีฬาเล่นเพื่อชัยชนะ แต่ให้อยู่กับปัจจุบัน เราให้ความสำคัญกับกระบวนการ รูปแบบ วิธีการเล่น ถ้าเล่นได้ตามขั้นตอน ผลลัพธ์จะออกมาตามที่ต้องการแน่นอนเสมอ” นี่คือหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ทุกอย่างสามารถวัดผลและประเมินผลได้

cr.scg sport