นางอรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยว่า ดีแทค ได้ร่วมกับ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดผลการะดมความเห็นจากคนรุ่ยใหม่ หรือ เจนซี ในเรื่องการหยุด การกลั่นแกล้งออนไลน์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ ผ่านสัญญาใจ ด้วยแคมเปญ #ให้ไซเบอร์บูลลี่จบที่รุ่นเรา ซึ่งมีการนำเสนอการหยุดไซเบอร์บูลลี่ จำนวน​ 782 ไอเดีย สามารถเข้าถึง กลุ่มเป้าหมายกว่า 1.44 ล้านคน และมียอดการมีส่วนร่วมกับแคมเปญทั้งสิ้นราว 34,500 ครั้ง ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการนำเทคโนโลยี คราวด์ซอร์สซิ่งมาปรับใช้กับการแก้ไขปัญหาสังคมอย่างแท้จริง

“คนรุ่นใหม่ มองเรื่องไซเบอร์บูลลี่โดยให้ความสนใจใน 3 ประเด็นหลัก คือ การวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตา มีสัดส่วนสูงถึง 56% ตามด้วยการคุกคามทางเพศ 23% และความเท่าเทียมทางเพศ 21% แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีทัศนคติพร้อมเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรม ซึ่งทางดีแทคพร้อมจะนำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่มาจากเด็กรุ่นใหม่​ หรือ สัญญาใจวัยเจนซี ให้กับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาไซเบอร์บูลลี่ในสสังคมไทย”

ด้าน นายธานี ชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและการทดลอง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากงานวิจัยข้อเสนอของคนรุ่ยใหม่ ล้วนต้องอาศัยความร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ผู้บริหารโรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการ ภาคเอกชน สื่อ และหน่วยงานภาครัฐ ที่มีหน้าที่โดยตรงในการกำหนดและกำกับนโยบาย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม

โดยทั้ง 3 ประเด็น คือ การวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาผู้อื่น คนออนไลน์ยุคใหม่ต้องการสร้างทัศนคติให้ทุกคน ในสังคมตระหนักและเคารพเรื่อง “ความแตกต่างหลากหลาย” (Diversity) ในร่างกายมนุษย์ ไม่วิพากษ์วิจารณ์รูปร่าง และหน้าตาของผู้อื่น เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ไม่ว่าผู้พูดจะมีอาวุโสกว่าหรือเป็นเพื่อนกัน ควรสร้างโอกาสให้ทุกคนเท่ากันโดยไม่ตัดสินจากรูปร่างหน้าตาที่เหนือกว่าผู้อื่น (Beauty privilege) นอกจากนี้ ควรสร้างการเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem)ให้มีในตัวเด็กทุกคนและให้คุณค่ากับความแตกต่างมากกว่าการสร้างมาตรฐานความงาม และที่สำคัญ ควรมีการกำหนดมาตรการลงโทษทางกฎหมายและกำหนดให้มีหน่วยงานราชการทำหน้าที่ในการช่วยเยียวยาเหยื่อจากไซเบอร์บูลลี่เมื่อกระบวนการทางกฎหมายจบลง

ในประเด็นการคุกคามทางเพศนั้น คนรุ่นใหม่มองว่าควรมียกระดับและส่งเสริมการสร้างทัศนคติต่อต้านการคุกคามทางเพศ สอนให้เด็กรู้จักสิทธิส่วนบุคคลและเคารพในร่างกายของผู้อื่น ขณะเดียวกัน พ่อแม่ ครูและผู้ปกครองควรเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่แสดงพฤติกรรมที่ส่อไปในเชิงคุกคามทางเพศ นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ยังมองว่าไม่ควรส่งเสริมหรือสนับสนุนทัศนคติชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) และสร้างทัศนคติต่อต้านไซเบอร์บูลลี่และการใช้ความรุนแรงผ่านสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงในสื่อออนไลน์ ที่สำคัญ ควรมีการกำหนดมาตรการลงโทษผู้ก่อเหตุคุกคามทางเพศในโรงเรียนและแนวทางในการเยียวยาผู้ถูกละเมิดสิทธิ โดยคำนึงถึงผู้ถูกละเมิดเป็นหลัก รวมถึงควรปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุมคามและการล่วงละเมิดทางเพศให้มีความทันสมัย

และในประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ เด็กรุ่นใหม่มองว่า ควรมีสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับตวามหลากหลายทางเพศ ลบล้างทัศนคติชายเป็นใหญ่และสร้างค่านิยมความเท่าเทียมทางเพศ ให้โอกาสทุกเพศและทุกคนอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ควรมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมและความเสมอภาคทางเพศ รวมถึงปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องให้ทันสมัยและไม่สร้างภาระให้กับเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำ

“ดีแทคในฐานะแบรนด์บุกเบิก (pioneering brand) ที่เปิดประเด็นด้านไซเบอร์บูลลี่มากว่า 5 ปี ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ต่อปัญหา งานพัฒนาศักยภาพบุคลากร งานผลักดันนโยบายสาธารณะ งานสื่อสารสาธาณะและวิจัย ตลอดจนการหาทางออกและพัฒนาโซลูชั่นเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Business)” นางอรอุมา กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจ “ฟัง” เสียงของคนรุ่นใหม่ฉบับเต็ม สามารถอ่านความคิดพวกเขาได้ที่ https://www.safeinternetlab.com/brave/agreement เข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้ทันที ไม่ต้องตีความ ร่วมส่งเสียงต่อได้ เพื่อสร้างสังคมออนไลน์แบบที่รุ่นเราอยากเห็น