เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เวลา 14.00 น. นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องกล่าวหานายประสิทธิ์ วุฒินันชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 กับพวก ว่าทุจริตโครงการก่อสร้างสนามกีฬาอเนกประสงค์ฟุตบอลโกลหนู สตรีทซอคเกอร์ (สนามหญ้าเทียม) ปีงบประมาณ 2556 ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ อ.ฝางและ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จำนวน 15 แห่ง งบประมาณรวม 30,000,000 บาท โดยจากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2556 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ อ.ฝาง และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้จัดทำโครงการก่อสร้างสนามกีฬาฯ จำนวน 15 แห่ง โดยได้มีการขอรับการสนับสนุนงบประมาณผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นไปยังสำนักงบประมาณตามลำดับ ซึ่งนายประสิทธิ์ ได้นำกลุ่มบริษัทของ น.ส.อัมพวัน แก้วนพมาศ เข้าเป็นคู่สัญญากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดังกล่าว โดยนายประสิทธิ์ ได้เรียกรับเงินตอบแทนจากกลุ่มบริษัทของ น.ส.อัมพวัน จำนวนร้อยละ 25 ของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร หรือเป็นเงิน 7.5 ล้านบาท
โดยในขั้นตอนการของบประมาณ ขั้นตอนการจัดทำคุณลักษณะและราคากลางสนามกีฬาฯ นายประสิทธิ์ ได้จัดให้มีการประชุมผู้บริหารท้องถิ่นที่จะได้รับจัดสรรงบประมาณทั้ง 15 แห่ง โดยมีเจ้าหน้าที่กองช่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งในที่ประชุมนายประสิทธิ์ ได้กำหนดให้ใช้คุณลักษณะเฉพาะและราคากลางการก่อสร้างที่ น.ส.อัมพวัน กำหนดคุณลักษณะเฉพาะที่เป็นการกีดกันผู้เสนอราคาอื่นให้ไม่สามารถเข้ายื่นเสนอราคาได้ และเมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 15 แห่ง ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว เจ้าหน้าที่กองช่าง ซึ่งได้รับเอกสารเกี่ยวกับคุณลักษณะดังกล่าวมากำหนดคุณลักษณะและราคากลาง โดยไม่ได้สืบหาราคาของสนามหญ้าเทียมจากผู้ประกอบอาชีพตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของทางราชการแต่อย่างใด ทำให้ราคากลางที่กำหนดดังกล่าวมีราคาสูงกว่าความเป็นจริงประมาณสนามละ 1 ล้านบาท ซึ่งในขั้นตอนการยื่นเสนอราคา น.ส.อัมพวัน ร่วมกับ น.สส.ฐิตารีย์ ศิริคะเณรัตน์ ได้นำกลุ่มบริษัทของตนเองซึ่งมีความสัมพันธ์ในเชิงทุนและเครือญาติเข้ามาเสนอราคา อีกทั้งกลุ่มบริษัทเอกชนดังกล่าวได้นำเงินไปจ่ายให้แก่เอกชนอื่นที่เข้ามาซื้อหรือรับซองเสนอราคา เพื่อไม่ให้ยื่นเอกสารการเสนอราคาในโครงการฯ และปรากฏว่าหลังจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 15 แห่ง ได้ทำสัญญาจ้างก่อสร้างสนามกีฬาฯ กับกลุ่มบริษัท น.ส.อัมพวัน ในวงเงินตามสัญญาที่สูงกว่าความเป็นจริง เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 15 ล้านบาท อีกทั้งปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาว่านางสาวอัมพวัน แก้วนพมาศ ได้จ่ายเงินให้กับนายประสิทธิ์ วุฒินันชัย ครบจำนวน 7.5 ล้านบาท ตามที่ได้ตกลงไว้
ดังนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติ ว่าการกระทำของนายประสิทธิ์ วุฒินันชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส. เขต 5 เชียงใหม่ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (พ.ร.ป.ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 192 และ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 5 และมาตรา 13 และมีมติว่าการกระทำของผู้บริหารท้องถิ่นในเขตพื้นที่ อ.ฝางและอ.แม่อาย จำนวน 10 ราย มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 ส่วนการกระทำของคณะกรรมการกำหนดราคากลาง จำนวน 21 ราย มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 อีกทั้ง ยังมีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ส่วนกลุ่มเอกชน จำนวน 6 ราย ซึ่งมีความสัมพันธ์ในเชิงทุนและเครือญาติ ได้ร่วมกันเข้าเสนอราคาในลักษณะเป็นการสมยอมในการเสนอราคา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162(1)(4) ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด ตามมาตรา 123/1 แห่ง พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 และมาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 และมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
โดย ป.ป.ช.มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิพากษาคดีกับนายประสิทธิ์ วุฒินันชัย กับพวก และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาแล้วแต่กรณีต่อไป.