ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลเรือเหล็กที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นผู้ถือธงนำยอดผู้ติดเชื้อพุ่งรายวัน ประชาชนทยอยเสียชีวิตแทบจะรายชั่วโมง หลายคนเริ่มอึดอัดกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้
“ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสสนทนากับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส.ส. นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทยถึงท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะจับมือกันสับรัฐบาลเรือเหล็ก ด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ชิงจังหวะเปิดแผลตอกย้ำให้ประชาชนเห็นการทำงานที่ล้มเหลวชัดเจนได้หรือไม่
โดย”ประเสริฐ” เปิดฉากกล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดมาจนถึงทุกวันนี้ร่วม 2 ปีแล้ว พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย มองว่า รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เรียกว่ามีการบริหารล้มเหลวและบริหารที่ผิดพลาด รวมทั้งการคาดการณ์และการประเมินสถานการณ์ผิดหมด ถือว่าสอบตก
เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ถ้าให้รัฐบาลปัจจุบัน ที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารราชการแผ่นดินต่อไป เกรงว่า ประเทศจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ เพราะเราให้โอกาสมาระยะหนึ่งแล้ว ให้โอกาสมาตั้ง 7 ปี วันนี้ถ้าสถานการณ์เลวร้ายลง แล้วฝ่ายค้านไม่ทำอะไรสักอย่าง ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครออกมาติติง ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงยิ่งขึ้น
ฝ่ายค้านจึงมีความจำเป็นต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 151 เพื่อให้มีการลงมติ ซึ่งเราไม่ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 152 ที่เป็นการเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อเสนอข้อแนะนำหรือแสดงปัญหา เพราะที่ผ่านมาพรรคฝ่ายค้านได้พูดมาพอสมควรแล้ว และรัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติตาม เมื่อประมวลทั้งหลายทั้งมวลคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้
@ ได้มีการวางแผนกำหนดตัวบุคคลที่ถูกซักฟอกหรือยังว่าจะมีใครบ้าง
สืบเนื่องจากที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นชอบให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนรายละเอียดเนื้อหาและคนที่จะอภิปราย ในช่วง 2 สัปดาห์ที่งดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเราจะทำการบ้านกัน แต่ไม่งดกิจกรรมทางการเมือง โดยในวันที่ 19 ก.ค. นี้ เวลา 10.00 น. จะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็นว่า การอภิปรายไม่ไว้วางในรัฐบาลจะมีหัวข้ออะไรบ้าง
ซึ่งแต่ละพรรคจะมีประเด็นแล้วส่วนหนึ่ง อย่างพรรคเพื่อไทยได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เราต้องขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นเอกภาพเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นจากพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย เมื่อเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะได้มีคามพร้อมทันทีต่อการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ประเด็นสำคัญการอภิปรายฯครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีข้อมูล ที่เป็นประโยชน์เชิงลึกที่แสดงให้เห็นว่าการบริหารผิดพลาดล้มเหลว หรือข้อมูลในเชิงทุจริต ให้ส่งมาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ ผ่านช่องทาง ส.ส. ที่มีการสื่อสารกับประชาชนอยู่แล้ว รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ของแต่ละพรรคการเมือง เพราะว่า การอภิปรายฯครั้งนี้ จะเป็นในนามพรรคร่วมฝ่ายค้านกับประชาชนทุกคนที่ไม่ไว้วางใจให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อ
เรามีความมั่นใจ ครั้งก่อน ๆ ยอมรับว่า มือสู้เขาไม่ได้ เพราะโหวตกี่ทีพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังโหวตให้กันอยู่ แต่ครั้งนี้มันเป็นวิกฤติประเทศ คนไทยทุกคนได้รับผลกระทบหมด เราก็หวังว่าจะได้เสียงในสภาฯในการไม่ไว้วางใจเกินกว่าที่คิดเอาไว้ อาจจะเป็นพรรครัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดพรรคหนึ่งมาสนับสนุนในการโหวต
“วิกฤติโควิด-19 ใครก็รู้ว่าเป็นปัญหาทั้งประเทศ และใครก็รู้ว่ารัฐบาลก็แก้ไม่ได้ ถ้าใครโหวตให้ผ่านอีก ผมว่าฝืนความรู้สึกประชาชน เราอยากให้ฟังข้อมูลการอภิปราย ถ้าเห็นว่าเราพูดถูกต้อง มีน้ำหนัก มีเหตุผล อยากให้มาโหวตให้ ไม่เช่นนั้นเท่ากับไปส่งเสริมให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศต่อทั้ง ๆ ที่บริหารประเทศล้มเหลว”
@ถ้าการอภิปรายฯครั้งนี้ฝ่ายค้านไม่สามารถทำอะไรกับรัฐบาลได้ ถือว่าเป็นความล้มเหลวของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่
ระบบสภาฯเป็นระบบสองฝั่งสองฝ่าย เมื่อกลไกสภาฯไม่ได้ผล วันนี้กระแสสังคมไปไกลแล้ว หากมีการโหวตผ่านกระแสสังคมก็จะชี้เลยว่า ขนาดเรือกำลังจะล่มก็ยังไปอุ้มอีก ไม่คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติ ก็ให้พิสูจน์กันในอนาคตว่า การเลือกตั้งคราวต่อไป หากยังเป็นอยู่แบนนี้ สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
@ ดูเหมือนประชาชนจะคาดหวังต่อฝ่ายค้าน ดังนั้นข้อมูลที่มีจะมีน้ำหนักเพียงพอทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกได้หรือไม่
เงื่อนไขในการลาออกของนายกฯ คือ 1.การยุบสภาฯ ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ แต่สภาฯไป 2.การลาออก ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ไป แต่สภาฯยังอยู่ เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ห้ามยุบสภาฯหนี และถ้าผลการลงมติไม่ไว้วางใจมากกว่า นายกฯต้องลาออกอย่างเดียวหมดสภาพทันที และคณะรัฐมนตรีก็สิ้นสุดลงทั้งหมด ส่วนกระบวนการต่อไปต้องสรรหานายกฯคนใหม่จากบัญชี ถ้าหาไม่ได้ต้องหาจากกระบวนการคนนอก
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงล้างไพ่ใหม่ โดยหลักต้องเอาพรรคการเมืองหลักเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่วันนี้เร็วเกินไปที่พูดถึงจุดนั้น ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสแก้ไขปัญหาโควิด-19 จะเร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุก และเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกมิติ โดยเฉพาะการบริหารวัคซีนจะไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นด้วยวิธีการเปิดเผยโปร่งใสแก่ประชาชน
@ การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ จะเป็นแค่เกมการเมืองหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านอาจจะทำอะไรรัฐบาลไม่ได้
การอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่รัฐบาลและเชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับประเทศ อย่างน้อยวิธีที่พรรคฝ่ายทำเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย เมื่อเราเห็นว่า คุณไปต่อไม่ไหว ฝ่ายค้านก็จะยื่นไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อคุณยังฝืนอยู่ต่อ โดยมีพรรคร่วมสนับสนุนก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่า อะไรถูก อะไรไม่ควร ดังนั้นอย่ามองเป็นเพียงเกมการเมือง เพราะเราให้โอกาสมามาก แต่วันนี้ไปไม่ไหวแล้ว ต้องมาพูดคุยกันว่าอย่าฝืนอีกเลย
และนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสม ในสมัยการประชุมสภาฯ เนื่องจากข้อบังคับรัฐธรรมนูญกำหนดให้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมละหนึ่งครั้ง และวันนี้เกิดวิกฤติประเทศสอดคล้องกันพอดี บอกตรง ๆ เราคอยต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะวันนี้คนตายทุกวันหลายร้อยคน.