เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันแรกหลังกักตัว ตั้งแต่วันที่ 5-15 ก.ค. และทำการตรวจหาเชื้อโควิด 3 ครั้งแต่ไม่พบเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ทันทีที่เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้ฟังสรุปจาก ศปก.ศบค. ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในประเทศไทย

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ครั้งที่ 10/2564 ที่ตึกสันติไมตรี หลังนอก โดยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมถึงผู้บริหารสาธารณสุข เข้าร่วม

ทั้งนี้ที่ประชุมจะพิจารณาและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ในปัจจุบันและวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตพร้อมข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการรองรับสถานการณ์ ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โควิด-19 จะรายงานการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 แบบ Antigen Test Kit และมาตรการ Bubble and Seal มาตรการ Home Isolation และ Community Isolation

นอกจากนี้ที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนในประเทศไทย รวมถึงแนวทางการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรแนวทางการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสตอร์โด๊ส และแนวทางการจัดหาวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกรวมถึงแนวทางการแจกจ่ายวัคซีนเพื่อให้เกิดความครอบคลุมมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ผอ.ศปก.ศบค. ได้ระบุก่อนหน้านี้ว่า ที่ประชุมวันนี้จะยังไม่มีการทบทวนการประกาศเข้มมาตรการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมไปถึง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะมีการหารือทบทวนมาตรการหลังประกาศบังคับใช้แล้ว 14 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ก.ค.นี้.