นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้การประมูลการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) จะยังไม่มีความชัดเจน หลังต้องเลื่อนออกไปเพื่อรอ กรรมการ กสทช.ชุดใหม่ แต่ทางไทยคมก็มีแผนธุรกิจที่รองรับไว้แล้ว โดยบริษัท มีความแข็งแกร่งด้านการเงินมีกระแสเงินสดมากกว่า 2-3 พันล้านบาท ไม่มีหนี้สิน และมีฐานลูกค้าที่พร้อมจะขยายธุรกิจไปสู่ใหม่ๆ เพิ่มเติม รวมถึงการมุ่งธุรกิจดาวเทียมในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบัน รายได้กว่าครึ่งก็มาจากตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว

“การออกไปตลาดต่างประเทศ มีช่องทางทั้งการเข้าไปใช้วงจรดาวเทียมของต่างประเทศ การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ  เช่น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ฯลฯ ที่ไทยคมมีฐานข้อมูลจากที่ทำธุรกิจอยู่ แต่หากไทยจะมีการจัดประมูล เมื่อไหร่ก็พร้อม หรือหากยังไม่มี และต้องออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศ ก็ต้องไป ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 นายปฐมภพ สุวรรณศิริ จะเข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทยคม แทนตนที่จะเกษียณอายุในช่วงสิ้นปีนี้ โดยทางไทยคมมีแนวทางในการทำธุรกิจอยู่แล้ว โดยต้องการปรับเปลี่ยนจากผู้ให้บริการดาวเทียม มาเป็น สเปซ แอร์กราวด์ หรือ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีจากอวกาศสู่ภาคพื้นดิน”

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของกรรมการ กสทช.ชุดใหม่ อยากจะฝากให้เน้นในการพัฒนามากกว่าการกำกับดูแล โดยจะทำอย่างไรให้สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์กับประชาชนและประเทศได้ การเน้นเรื่องการประมูลให้ได้ราคาสูงอาจจะไม่ตอบโจทย์ในปัจจุบัน เพราะการประมูลในราคาที่สูงไม่ใช่ตัวชี้วัดว่า จะประสบความสำเร็จ เพราะสุดท้ายก็จะตกไปสู่ของที่แพงขึ้น แต่ควรจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมเติบโต จะเป็นเรื่องดีและเป็นประโยชน์มากกว่า

ด้านนายปฐมภพ สุวรรณศิริ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านการค้า บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ทำงานร่วมกับนายอนันต์ มาร่วม 3 ปี ได้เตรียมพร้อมในการรับงานต่อมากว่า 1 ปี สำหรับแนวทางดำเนินการของไทยคมต่อจากนี้ คือ จะทำให้สามารถบริการกับลูกค้าหลังสิ้นสุดสัมปทานให้ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งหาโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจใหม่ๆ และการเข้าไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศด้วย.