สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากเมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ว่า นายวลาดิสลาฟ กลียูชิน นักธุรกิจชาวรัสเซีย เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศชื่อ “เอ็ม-13” ในกรุงมอสโก ที่อัยการสหรัฐระบุว่า มีความสัมพันธ์กว้างขวางกับรัฐบาลรัสเซีย ถูกเนรเทศจากสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันเสาร์ (18 ธ.ค.) เพื่อเผชิญข้อหาสมรู้ร่วมคิด ฉ้อโกงตลาดหลักทรัพย์ และข้อหาอื่นๆ ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์

กลียูชิน วัย 41 ปี ซึ่งถูกจับกุมในสวิตเซอร์แลนด์ ในเดือน มี.ค. ขณะท่องเที่ยวเที่ยวพักผ่อนเล่นสกี ปรากฏตัวต่อศาลชั่วครู่ จากภายในเรือนจำรัฐแมสซาชูเซตส์ ผ่านระบบการพิจารณาคดีทางออนไลน์ ศาลกำหนดวันไต่สวน คำร้องขอยื่นประกันตัว คร่าวๆ ในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.)

อัยการสหรัฐกล่าวหากลียูชิน และบุคคลอื่นๆ ซื้อขายหุ้นจากรายงานผลประกอบการบริษัท ที่ได้รับจากการเจาะล้วงข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของ 2 บริษัทผู้ให้บริการแก่บริษัทต่างๆ ในการยื่นรายงานผลประกอบการ รายไตรมาสหรือรายปี ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (เอสอีซี) โดยบริษัทเหล่านี้รวมถึง ไอบีเอ็ม คอร์ป, สแนป อิงค์ และเทสลา อิงค์

กลียูชินและลูกจ้างหลายคนของบริษัท เอ็ม-13 ซื้อขายหุ้นเพื่อตนเอง รวมทั้งซื้อขายให้ลูกค้า เพื่อหักหัวคิว

ในสำนวนฟ้องของอัยการสหรัฐ ระบุว่า ระบบคอมพิวเตอร์ถูกเจาะล้วงข้อมูล โดยนายอิวาน เยอร์มาคอฟ ลูกจ้างคนหนึ่งของบริษัท เอ็ม-13 ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกองทัพรัสเซีย ที่ถูกตั้งข้อหาในปี พ.ศ. 2561 ฐานเจาะล้วงข้อมูล แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2016 และล้วงข้อมูลหน่วยงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้นในนักกีฬา

จากข้อมูลส่วนหนึ่งของเอสอีซี ที่ยื่นเป็นหลักฐานต่อศาล ปฏิบัติการแฮกข้อมูลของกลียูชินและทีมงาน สามารถทำเงินรายได้อย่างน้อย 82.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2561–2563

นายเยอร์มาคอฟยังคงหลบหนี เช่นเดียวกันจำเลยร่วมในคดีอีก 3 คน ประกอบด้วย นายนิโคไล รูไมนต์เซฟ ผู้อำนวยการบริษัท เอ็ม-13 และนักธุรกิจชาวรัสเซียอีก 2 คน นายมิฮาอิล อีซัค และนายอิกอร์ ซลัดคอฟ ที่อัยการสหรัฐระบุว่า ซื้อขายหุ้นจากข้อมูลเจาะล้วง

ทีมทนายความของกลียูชิน กล่าวว่า คดีนี้มีเบื้องหลังทางการเมือง และเหตุผลที่แท้จริงของการดำเนินคดีต่อนายกลียูชิน คือการทำงานและสายสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซีย.

เครดิตภาพ – Reuters
เครดิตคลิป – CNBC Television