รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ของสหรัฐ ประกาศที่สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ในรัฐแมริแลนด์ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่า “อนาคตการคมนาคมขนส่งของประเทศเราและทั่วโลก อยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้า”

กฎหมายสาธารณูปโภคมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ลงนามเมื่อเดือนที่แล้ว อนุมัติการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถไฟฟ้าทั่วประเทศ ด้วยงบประมาณ 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งงบพิเศษอีก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรัฐต่าง ๆ ในการสร้างสถานี ฯ รวมถึง 63 ล้านดอลลาร์ สำหรับรัฐแมริแลนด์

กฎหมาย ฯ ยังตั้งงบจำนวน 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนการสร้างสถานีตามท้องถิ่นชนบท และชุมชนที่มีปัญหาขาดแคลนเงินงบประมาณ

ความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น 1 สัปดาห์ หลังจากหลายสิบบริษัทสาธารณูปโภคไฟฟ้า และสถาบันไฟฟ้าเอดิสัน ประกาศแผนตั้งระเบียงสถานีอัดประจุไฟฟ้ารถยนต์ “แบบรวดเร็ว” ทั่วสหรัฐ ภายในสิ้นปี 2566

ร่างกฎหมายนโยบายสังคมและสิ่งแวดล้อม (social and environmental policy bill) มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของไบเดน ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา รวมถึงเครดิตภาษีจำนวน 12,500 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกลง ซึ่งในส่วนนี้แฮร์ริสกล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่าย เหมือนกับการเติมเชื้อเพลิงน้ำมันครอบครัวชาวอเมริกันสามารถซื้อรถยนต์ไฟฟ้าผลิตในอเมริกา ในราคาไม่แพง

Bloomberg Quicktake: Now

รองผู้นำหญิงของสหรัฐกล่าวว่า ตอนนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเคลื่อนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า สหรัฐต้องรีบปรับตัวให้เร็วกว่า และเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน

ปัญหาใหญ่สุดสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คือสถานีชาร์จไฟฟ้า ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายสถานีให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในเมือง ชานเมือง และในชนบท

ยุทธศาสตร์แห่งชาติใหม่ในการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วอเมริกา ซึ่งจะดำเนินการขับเคลื่อนร่วมโดยกระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคมจะมีการออกคำแนะนำ และกำหนดมาตรฐานสำหรับทางการรัฐต่าง ๆ ประสานการปรึกษาระหว่างโรงงานผลิตกับทางการ องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งภาคประชาสังคม และกลุ่มชาติพันธุ์ท้องถิ่น

กระทรวงพลังงานและกระทรวงคมนาคมถูกกำหนดให้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้เริ่มทำงานตั้งแต่ต้นปีหน้า

ทำเนียบขาวคาดหวัง การเร่งแผนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์พาณิชย์ จะช่วยบรรลุเป้าหมายของไบเดนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 และจะช่วยสร้างงานใหม่หลายหมื่นตำแหน่ง

แผนยังมีเป้าหมายช่วยให้สหรัฐกระโดดแซงหน้าจีน ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งล่าสุดส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3ของจีน

ไบเดนตั้งเป้าหมายรถยนต์ รถบรรทุก และรถบัสโดยสารไฟฟ้า มีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของรถยนต์ใหม่ ที่ขายในสหรัฐทั้งหมด ภายในปี 2573

บริษัทที่ปรึกษา “แอลเอ็มซี ออโตโมทีฟ” คาดหวังยอดขายรถยนต์ใหม่พลังงานไฟฟ้า 100% ในสหรัฐ จะสูงขึ้นเกือบแตะ 400,000 คันในปีนี้ เกือบสองเท่าของตัวเลขปีที่แล้ว

รถยนต์ไฟฟ้ายังมีสัดส่วนยอดขายในอเมริกาแค่ 2.6% แต่คาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 730,000 คันในปีหน้า และมากกว่า 2 ล้านคันในปี 2568

ถึงแม้ตัวเลขจะถึง 2 ล้านคัน แต่ก็ยังคงมีสัดส่วนเพียงประมาณ 12% ของจำนวนรถยนต์ใหม่ ที่ขายทั้งหมดในสหรัฐ.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES