ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลายคนคงจะตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ในอินเทอร์เนตคือ “คลับเฮาส์” ที่เป็นเหมือนห้องสนทนาย่อมๆ ให้หลายคนเข้าไปพูดคุยกันและต่างก็แสดงความเห็นในเรื่องต่างๆ ได้ มีการเปิดคลับเฮาส์ทางการเมืองมากมาย และแน่นอนว่า อดีตนายกฯ ผู้สนใจเทคโนโลยีอย่างนายทักษิณ ชินวัตร ก็ไปเล่นกับเขาด้วย เดาได้ไม่ยาก โดยใช้ชื่อ Tony Woodsome..โทนี่ วู้ดซัม เรียกว่าเปิดมาทีห้องแทบแตก

เอาจริงทุกวันนี้หลายคนก็ยังคิดถึงรัฐบาลทักษิณอยู่ ว่า ยุคนั้นเป็นยุคที่การเมืองนิ่งแล้วเศรษฐกิจดีเพียงใด ความที่นายทักษิณก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่เป็นระยะ ในลักษณะ “เคลื่อนไหวแบบไม่เคลื่อนไหว” คือโพสต์ไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ ไปดูวิทยาการประเทศโน้นประเทศนี้ ลงทุนโน้นนี้ มันก็ทำให้คนที่เห็น “ชีวิตดี๊ดี”แบบนั้นว่า ถ้ารัฐบาลทักษิณไม่ถูกยึดอำนาจ จนเกิดความผันผวนทางการเมืองมาตลอด ประเทศไทยจะไปได้ถึงไหนหนอ

ตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมาที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.) นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ขณะนั้น ยึดอำนาจจากนายทักษิณมา ความผันผวนทางการเมืองก็มีมาเรื่อย เลือกตั้งมา รัฐบาลพรรคพลังประชาชนชนะ นายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกฯ ก็ถูกเด้งพ้นตำแหน่งจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็น “ลูกจ้างหน่วยงานอื่น” จากกรณีไปออกรายการชิมไปบ่นไป แล้วก็เกิดการเปลี่ยนขั้วนายกฯ เป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

คราวนี้พรรคพลังประชาชนโดนยุบ โดยอ้างว่า มีกรรมการบริหารพรรครู้เห็นกับการซื้อเสียง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นก็ไปดีลกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้ออกมาตั้งพรรคภูมิใจไทย แล้วก็สวิงเสียงไปโหวตนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจากประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการประท้วงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ซึ่งทำให้มีการสลายการชุมนุมและมีผู้เสียชีวิตมากมาย

พอมาเลือกตั้งใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนายทักษิณจากพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกเป็นนายกฯ ก็ถูกกลุ่ม กปปส.ออกมาไล่อีกจากกรณีกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้นออกมายึดอำนาจแล้วอยู่ยาว แล้วบ้านเราก็วนเวียนกับวาทกรรมว่าจะสร้างความปรองดองอย่างไร ตอนนี้ก็ซ้ำรอยอีกว่ามีม็อบออกมาไล่รัฐบาลประยุทธ์ ข้ออ้างหนึ่งคือความไม่ชอบธรรมในการขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยเสียง ส.ว.

แค่นี้ก็ปวดหัวพิลึกกับการที่เราวนเวียนอยู่กับความขัดแย้งทางการเมืองแล้วไม่รู้เมื่อไรจะจบ การเมืองก็กลายเป็นอีหรอบเดิมที่ก็เป็นการเจรจาต่อรองของนักการเมืองเพื่อหาผลประโยชน์ รัฐบาลประยุทธ์มีเป้าหมายในการพัฒนาอย่างโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( อีอีซี )  แต่ต่อมาการเมืองก็บีบให้มือเศรษฐกิจอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และกลุ่มสี่กุมารออกเพื่อให้เป็นเรื่อง “สมบัติผลัดกันชม”ในตำแหน่งรัฐมนตรีบ้าง

ขณะที่ทางพรรคเพื่อไทย มีข่าวจะแตกเพราะหลายฝ่ายไม่พอใจคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จนเจ้าตัวลาออกไปและมีแนวโน้มจะตั้งพรรคใหม่คือไทยสร้างไทย แต่คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยจากหลายโพลก็ยังไม่ตก และได้นายทักษิณนี่แหละ ออกโรงแต่ละทีก็ช่วยทำคะแนนให้ จนกระทั่งดึงกลุ่มที่เคยออกไปตั้งกลุ่มแคร์ เข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทยอีกครั้งอย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายภูมิธรรม เวชยชัย  

อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็แสดงวิสัยทัศน์ไปเรื่อย ล่าสุดก็เพิ่งออกคลับเฮาส์มาในหัวข้อ “ชวนคิดใหม่ วางอนาคตเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก” ที่กลุ่มเชนจ์เมกเกอร์ พรรคเพื่อไทย จัดขึ้นโดยสับรัฐบาลซะเละ ว่า “วันนี้โลกเชื่อมโยงกัน มีการเลียนแบบแนวทางทำธุรกิจกันขึ้น เราต้องคิดประหลาดถึงจะชนะคนอื่นได้ ขณะที่นโยบายการบริหารงบประมาณ เรามีแต่นักใช้งบประมาณมาบริหารประเทศ ไม่ได้คิดว่าทำอย่างไรให้งบประมาณสมดุลหรือลดการขาดดุล”

“ตอนนี้เราถูกปกครองโดยทหาร ทำให้งบทหารเพิ่มตลอด เราก็ยังซื้ออาวุธแบบเก่า ซึ่งการรบแบบเก่าเกิดเฉพาะชายแดน แต่วันนี้เป็นการรบแบบใหม่ที่รบด้วยเทคโนโลยี เราต้องทำให้คนไปถึงจุดนั้น เช่นการรบด้วยหุ่นยนต์ ด้วยโดรน แต่การซื้ออาวุธวันนี้ยังเป็นแบบเดิมเพราะมีค่าคอมมิชชั่นดี และยิ่งค้างสต็อกเยอะ ค่าคอมมิชชั่นก็จะยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ในทางตรงข้ามกลับทำลายประเทศมหาศาล”

“อีกทั้งความน่าเชื่อถือ กระบวนการยุติธรรมของประเทศ ถ้าไม่แก้สิ่งเหล่านี้คงลำบาก และหลักกฎหมายของเราผู้ที่ถูกกล่าวหาเราถือว่ายังบริสุทธิ์ หากคดียังไม่ตัดสินจนถึงที่สุด แต่วันนี้การทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามจากต่างชาติมากทำให้เขาไม่กล้าเข้ามาลงทุน รายได้จากการท่องเที่ยววันนี้เฉา ถ้าฟื้นไม่ทัน ต.ค.นี้ก็เรียบร้อย” นี่คือการแสดงวิสัยทัศน์ที่เรียกว่าตบหน้ารัฐบาลที่มีผู้นำเป็นทหารฉาดใหญ่ ทำนองว่า “ก็เข้ามาหาผลประโยชน์ซื้ออาวุธ”

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อมีคำถามถึงข้อเสนอการผลักดันให้การค้าบริการเป็นอาชีพถูกกฎหมายด้วย นายทักษิณกล่าวว่า “เราเป็นประเทศดัดจริต มีกฎหมายปราบการค้าประเวณี กลัวว่าจะรู้ว่ามีโสเภณี วันนี้เราต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ มันจะควบคุมและตรวจสอบได้หมด แต่เราไม่ชอบ ตนเอาหวยใต้ดินขึ้นมาบนดิน ส่งเด็กคนจนเรียนฟรีเมืองนอกปีละ 900 คนเขาก็บอกไม่ดี บ่อนการพนัน กาสิโนไม่ดี แต่บ่อนมีเต็มเมือง”

มันก็ชวนให้คิดว่า เรื่องโสเภณีถูกกฎหมาย บ่อนถูกกฎหมาย ถ้ากำหนดเป็นโซนนิ่งมันก็หารายได้เข้าประเทศได้มาก เรียกว่า อะไรเทาๆ ก็ทำให้ถูกเสีย เพื่อจะได้ไม่ต้องมีกลุ่มอิทธิพลมาแสวงหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง อย่างบ่อน เผลอๆ เราอาจพัฒนาพื้นที่ที่ไม่เป็นที่น่าไปเที่ยวให้เป็นศูนย์ท่องเที่ยวได้ อย่างที่อเมริกาพัฒนาลาส เวกัสจากทะเลทรายจนขึ้นชื่อ และเรื่องโสเภณีเข้าระบบมันก็เป็นเรื่องน่าสนใจพิจารณา

ข้อมูลจากหลายหน่วยงานระบุว่า มีทั้งคนไทยและต่างด้าวค้าประเวณีอยู่ในประเทศไทยเกือบๆ 3 แสนคน คนเหล่านี้ถ้ามองความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม เขาก็มีสิทธิที่จะประกอบอาชีพตามความสมัครใจได้ และถ้าถูกกฎหมาย มีการขึ้นทะเบียนจะทำให้โสเภณีเข้าสู่ระบบบริการตรวจและติดตามผลสุขภาพ เพื่อป้องกันปัญหาแพร่กามโรค และให้สวัสดิการคนเหล่านี้ถ้าถูกแขกทำร้ายหรือไม่ทำตามตกลงเช่นไม่จ่ายค่าตัว

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคงกฎหมายป้องกันการค้ามนุษย์ไว้ ประเทศที่โสเภณีถูกกฎหมายทั่วโลกเขาก็ควบคุมตรงนี้เพื่อไม่ให้เกิดการบังคับขืนใจ หลอกลวง ให้เข้าสู่ระบบค้าประเวณี โดยเฉพาะต้องมีการปกป้องเยาวชน รายละเอียดปลีกย่อยอีกอย่างที่ต้องทำคือการคุ้มครองคนพวกนี้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้เปิดเผยเฉพาะข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น สถานสาธารณสุข เพื่อติดตามผลสุขภาพ หรือตำรวจ เพื่อให้มีการตรวจเชคใบทะเบียนได้ว่า ใครที่อยู่นอกเหนือใบทะเบียนแล้วมาให้บริการ จะเป็นกรณีล่อลวงหรือค้ามนุษย์

แต่ก็อย่างว่า ทั้งเรื่องบ่อน เรื่องซ่อง มันสองคนยลตามช่อง ฝ่ายเสรีนิยมเขาก็ว่าเรื่องค้าประเวณีนี่เป็นสิทธิในร่างกาย และสิทธิในการมีเพศสัมพันธ์โดยยินยอมทั้งผู้ซื้อผู้ขาย แถมแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเพศได้ระดับหนึ่ง ที่ไม่ต้องไปล่อลวงหรือข่มเหงรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะ

กรณีการล่วงละเมิดทางเพศ เหตุเกิดในครอบครัวมีมากจนน่าขนลุก และเหยื่ออับอายหรือเกิดความกลัวจนไม่กล้าพูด นอกจากถึงที่สุดจริงๆ

ลองคิดดูว่า บางทีเราเอามายาคติ “เมืองไทยคือเมืองพุทธ”มาปูทับปัญหาอะไรหลายๆ อย่างหรือไม่ แล้วเปิดโอกาสให้พวกหาเงินกับธุรกิจสีเทารวยเอาๆ โดยเราไม่ได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และไม่ยอมรับความจริงว่ามันมี.

……………………………..
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”