สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ว่านายเซอร์เก ริบคอฟ รมช.กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลมอสโก กับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ที่มีสหรัฐเป็นแกนนำ และยูเครน ว่าตะวันตก “เคลื่อนไหวกันเลยเถิดไปมาก” ตามแนวพรมแดนฝั่งตะวันออก หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป รัสเซีย “อาจยกระดับมาตรการบางอย่างที่จำเป็น” แต่ปฏิเสธขยายความ
ทั้งนี้ รัฐบาลมอสโกส่ง “ร่างสนธิสัญญาความมั่นคง” หรือที่หลายฝ่ายเรียกว่า “เงื่อนไขวัดใจ” สองฉบับ ให้แก่นาโตและสหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญรวมถึง การที่นาโตต้องยุติการซ้อมรบตามแนวพรมแดนฝั่งตะวันออกซึ่งอยู่ใกล้กับรัสเซีย
การที่สหรัฐและรัสเซียต้องไม่ส่งพาหนะทางทหาร เข้าสู่พื้นที่ทั้งทางอากาศและทางทะเล ในรัศมีที่สุ่มเสี่ยงเกิดการปะทะกัน และ “หลักประกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร” ว่านาโตจะไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก เช่นเดียวกับจอร์เจีย โดยต้องเป็นการยกเลิกข้อตกลงฉบับปี 2551 ระหว่างนาโตกับจอร์เจียและยูเครน ที่เป็นการ “ให้คำมั่นสัญญา” ว่าทั้งสองประเทศจะได้รับการยอมรับเข้าสู่นาโต “สักวันหนึ่ง”
ด้านนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า นาโตต้องการให้รัฐบาลมอสโกรับทราบและตอบสนองต่อความวิตกกังวลทั้งหมดของนาโต ที่มีต่อการเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียเช่นกัน ส่วนการเพิ่มจำนวนสมาชิกนาโต “เป็นเรื่องภายในเท่านั้น”
ขณะที่นายเบน วอลเลซ รมว.กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้น้อยมาก” ที่สหราชอาณาจักรจะส่งทหารเข้าไปในยูเครน เนื่องจาก “รัฐบาลเคียฟไม่ใช่สมาชิกนาโต” จึงไม่น่ามีสมาชิกประเทศใดอยากส่งทหารเข้าไปในยูเครน “เพื่อท้าทายรัสเซีย” ด้วยเหตุนี้ สหราชอาณาจักรจึงร่วมผลักดันกระบวนการตามแนวทางการทูตมากกว่า และเตรียมใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจรอบใหม่ต่อรัฐบาลมอสโก
คำกล่าวของวอลเลซเป็นไปในทางเดียวกับที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ ว่าการส่งทหารในนามนาโต ต้องเป็นไปตามกฎบัตรของนาโตเท่านั้น ประเด็นนี้ไม่ครอบคลุมยูเครน “ซึ่งไม่ใช่ประเทศสมาชิก”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, AP