สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ตึกเมอร์เดกา 118 หรือ วาริซาน เมอร์เดกา ทาวเวอร์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านริงกิต (39,572 ล้านบาท) ก่อสร้างบนถนนเปตาลิง ในย่านไชน่าทาวน์ กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีเนื้อที่ใช้สอย 3.1 ล้านตารางฟุต กว่าครึ่งเป็นสำนักงานธุรกิจ นอกจากนั้นยังจะมีห้างสรรพสินค้า มัสยิด โรงแรมปาร์ค ไฮแอตต์ และหอคอยชมวิวสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการถูกประกาศในปี พ.ศ. 2553 และการก่อสร้างเริ่มเมื่อ 5 ปีก่อน และคาดว่าจะแล้วเสร็จ เปิดให้บริการได้ตามกำหนด ในปลายปี 2565 แม้การก่อสร้างจะหยุดชะงักลงชั่วคราว ในเดือน มี.ค. 2563 เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียประกาศมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยจะกลายเป็นตึกที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แทนที่ตึกเซี่ยงไฮ้ ทาวเวอร์ ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมีความสูง 632 เมตร 128 ชั้น
คาร์ล เฟนเฟอร์ หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งบริษัทสถาปนิก เฟนเดอร์ คัตซาลิดิส แห่งออสเตรเลีย ผู้ออกแบบโครงการเมอร์เดกา 118 เผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจจาก รูปแบบที่พบในศิลปะและหัตถกรรมท้องถิ่นของมาเลเซีย รูปทรงอาคารจากการออกแบบ สะท้อนให้เห็นการผสมผสานระหว่าง วัฒนธรรมและประชาชนชาวมาเลเซีย
ตึกสูงโผล่ขึ้นเป็นดอกเห็ด ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในไม่กี่ทศวรรษล่าสุด และตอนนี้เมืองหลวงของมาเลเซียอยู่อันดับ 13 ของโลก เมืองที่มีอาคารสูงมากที่สุด จากข้อมูลของสภาตึกสูงและที่อยู่อาศัยในเมือง (Council on Tall Buildings and Urban Habitat) ตึกแฝด เปโตรนาส ทาวเวอร์ ความสูง 451.9 เมตร เคยครองแชมป์ตึกสูงที่สุดในโลก ระหว่างปี 2541–2547 และถูกลบสถิติด้วยตึกไทเป 101 (508.2 เมตร) ในเมืองหลวงของไต้หวัน และตึกเบิร์จ คาห์ลิฟา กลายเป็นแชมป์โลกสูงสุดใหม่ ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน
ปี 2562 ตึกเอกซ์เชนจ์ 106 (Exchange 106) ขนาดความสูง 453.5 เมตร 106 ชั้น กลายเป็นตึกที่มีความสูงที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
เครดิตภาพ – Fender Katsalidis
เครดิตคลิป – SCM Southern Corridor Malaysia