ถือเป็นอีกหนึ่งวันดีๆของคู่นักแสดงสาว จั๊กจั่น อคัมย์สิริ และหวานใจหนุ่ม เค วัฒนา ที่วันนี้ 10 ธ.ค.64 ได้ควงแขนกันเข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างชื่นมื่น ท่ามกลางความยินดีของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องในวงการและแฟนคลับ โดยช่วงบ่ายทั้งสองคนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงความรู้สึกในวันสำคัญวันนี้ โดยฝ่ายชายเล่าว่า

เค เผยว่า “วันนี้เจ้าสาวสวยมาก สวยที่สุดเลย ส่วนช่วงเช้าที่เห็นว่าผมร้องไห้คือน้ำตาซึมๆ เนื่องจากประตูนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังเล่นกั้นประตูกัน ซึ่งเป็นประตูสุดท้าย แล้วคนที่กั้นประตูเป็นคนที่สนิทกับจั๊กจั่นที่สุด 2 คน จากก่อนหน้าที่เล่นมาตลอด 10 กว่าประตูจะเป็นเชิงหยอกล้อแซวกันมากกว่า แต่พอประตูนี้เราไม่ได้คาดว่าจะมีคำถามหรือคำพูดที่แสดงความจริงใจ คนถามเขาพูดประโยคที่มันกินใจเรา เราเลยรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยจะมีคำถามนี้มาหาเรา อยากให้คำมั่นสัญญาข้อหนึ่ง ว่าจะดูแลจั่น ว่าจะรักจั่น เหมือนที่เขาสองคนทำกันมาตลอด ก็เลยรู้สึกดีใจที่เขาสองคนไว้ใจ เชื่อใจเรา และวันนี้ก็จับมือเดินมาถึงจุดนี้แล้วครับ ก็รู้สึกมีความสุข น้ำตาแห่งความปิติครับว่าเราผ่านกันมาได้จริงๆ”

“เอาจริงๆผมจะคอยบอกเขาตลอด ตั้งแต่เล่นละครแล้วครับ กลับบ้านมาเจอเราอาจจะมีความเครียดติดมาด้วยเนื่องจากงานและบทที่ได้รับ แรกๆ เราไม่เข้าใจว่าอาชีพนี้มันคืออะไรยังไง อยู่ด้วยสักพักเริ่มเรียนรู้และสัมผัสถึงได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการพื้นที่เงียบๆ เราก็แค่บอกเขาว่ามีอะไรก็คุยกับเรานะ เรารับฟังแล้วมันก็ค่อยๆ ออกมา หมายถึงสิ่งที่อยู่ข้างในระบายออกมา แล้วเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนตัวเอง ปรับตัวเอง และเรียนรู้กัน เขาบอกว่าไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็ใช้ความเข้าใจและคุยกัน ปรับทัศนคติเข้าหากันครับ เรื่องลูกถ้าถามผมว่าอยากมีกี่คน ผมอยากมี 2 คน เวลามีปัญหาพี่น้องจะได้แชร์กัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครับต้องแล้วแต่เพศแม่ครับ เขาอุ้มท้องต้องถามเขา ผมไม่ได้อุ้มเอง ก็ต้องแล้วแต่เขา”

จั๊กจั่น เผยว่า “ขอบคุณมากค่ะ เพราะว่าจริงๆ คู่เราสองคนก็เจอเรื่องราวอะไรไม่น่าเชื่อมาเยอะ ขอบคุณที่เรายังจับมือกันตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้แน่นไม่ปล่อย ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ต่างๆ มันก็เป็นอุปสรรค สำหรับเราเรื่องความรักก็คือเรื่องที่เคยผิดหวังมาและเป็นปัญหาใหญ่ของตัวเองที่ทำให้เกิดความกังวล แต่กับข่าวที่ออกมามันก็ไม่ใช่เรื่องจริง เราเองมั่นใจในตัวเค เลยคิดว่าเราจะต้องก้าวข้ามผ่านมันให้ได้ ความจริงก็คือความจริง ยังไงทุกคนก็ต้องรู้ในวันหนึ่ง ดีใจที่ผ่านมาได้”

“จริงๆจั่นก็สงสารเพราะเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในสื่อ แล้วต้องคอยมาตอบคำถามอะไรเหล่านี้ แล้วก็เรื่องราวที่เป็นเรื่องส่วนตัวในอดีตเป็น 10 ปีจะต้องถูกเป็นที่พูดถึงของคนอื่น เขาอาจจะไม่ได้ชิน เราก็เกรงใจเขาและครอบครัวเขามาก ต้องบอกว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่เรา เราโตมาคนละครอบครัว ต่างคนก็ต่างเลี้ยงมาคนละแบบ พอมาถึงจุดนี้ก็อยู่ที่เราต้องจับมือเดินด้วยกันไปข้างหน้าแล้วอาศัยความรักความเข้าใจ เรื่องนามสกุลยังไม่เปลี่ยนค่ะ ยังใช้เหมือนเดิม ส่วนเรื่องลูกก็คิดว่าจะปล่อยเลยค่ะ เพราะอายุก็สมควรที่จะต้องมีได้แล้ว เราจะลองให้เป็นไปตามธรรมชาติก่อนค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ค่อยว่ากันในอีกปี สองปี”

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม jj_akhamsiri