สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเยอรมนี มีมติในการประชุมเมื่อวันพุธ ด้วยเสียงข้างมาก 395 เสียง คัดค้าน 303 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง ให้การรับรองนายโอลาฟ โชลซ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 9 นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และถือเป็น “ผู้นำหน้าใหม่” คนแรกในรอบ 16 ปี ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นการสิ้นสุด “ยุคแมร์เคิล” ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 และประกาศวางมือทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้

นางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นรับการปรบมือเป็นเกียรติจากที่ประชุมสภา


ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญของเยอรมนีรอบนี้ เป็นผลจากการที่โชลซ์ในฐานะหัวหน้าพรรค และตัวแทนของพรรคพรรคสังคมประชาธิปไตย ( เอสพีดี ) ที่มีจุดยืนแนวกลาง-ซ้าย สามารถนำพรรคได้รับการเลือกตั้งเข้ามามากที่สุด จากการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา และบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลร่วกมับพรรคกรีน และพรรคประชาธิปไตยเสรี ( เอฟดีพี ) ในนาม “พันธมิตรไฟจราจร” ตามสีสัญลักษณ์ของทั้งสามพรรค คือสีแดงของพรรคเอสพีดี สีเหลืองของพรรคเอฟดีพี และสีเขียวสำหรับพรรคกรีน

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ รับเอกสารรับรองการดำรงตำแหน่ง จากประธานาธิบดีฟรังก์ วอลเทอร์-ชไตน์ไมเออร์ ( คนขวา ) ที่ทำเนียบในกรุงเบอร์ลิน


ทั้งนี้ การที่ทั้งสามพรรคมีนโยบายพื้นฐานค่อนข้างแตกต่างกัน ถือเป็นการรวมตัวเป็นรัฐบาลในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเยอรมนี อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อมั่นในประสบการณ์ และทักษะการเจรจาของโชลซ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลัง จะสามารถฝ่าฟันวิกฤติรอบด้าน ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในฐานะที่เยอรมนี “เป็นพี่ใหญ่” ของยุโรปได้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, AP