สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงรับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่พระราชวังในเมืองเจดดาห์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยประเด็นสำคัญของการหารือครอบคลุมทั้งข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และสถานการณ์ในเลบานอน
ในส่วนของความสัมพันธ์กับเลบานอน เจ้าชายโมฮัมเหม็ดและมาครงร่วมกันทรงสนทนาทางโทรศัพท์ กับนายกรัฐมนตรีนาจิบ มิคาตี ผู้นำเลบานอน ซึ่งนับเป็นการสนทนาอย่างเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างมิคาตีซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา กับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ประเทศซึ่งถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเลบานอนในภูมิภาคแห่งนี้ โดยมิคาตีหวังว่า การสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนี้จะเป็นก้าวย่างสำคัญ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับเลบานอนตึงเครียดตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อนายจอร์จ คอร์ดาฮี รมว.ข่าวสารของเลบานอนในเวลานั้น กล่าวว่า สงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือน ก.ย. 2557 เป็นผลจาก “ความก้าวร้าวทางทหาร” ของซาอุดีอาระเบียและพันธมิตร โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ที่ร่วมกันปฏิบัติการในเยเมน ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2558 อย่างไรก็ดี คอร์ดาฮีลาออกจากตำแหน่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับการเยือนซาอุดีอาระเบียของมาครง เกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลริยาดกับสหรัฐมึนตึงกันอย่างชัดเจน ในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งวิจารณ์สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย สงครามในเยเมน และการเสียชีวิตของนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลริยาด
อนึ่ง ผู้นำฝรั่งเศสปฏิเสธข้อครหา ในประเด็นที่ว่า การเยือนซาอุดีอาระเบียโดยไม่ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน เท่ากับเป็นการ “ยอมรับ” เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ที่ทุกฝ่ายทราบกันดีว่า “คือผู้นำในทางพฤตินัย” ซึ่งมาครงกล่าวว่า สถานการณ์หลายเรื่องในตะวันออกกลางไม่สามารถคลี่คลายได้ง่าย หากไม่มีการประสานงานกับซาอุดีอาระเบีย.
เครดิตภาพ : AP