สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาโบโรเน ประเทศบอตสวานา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ว่าประธานาธิบดีมอคกวีตซี มาซิซี ผู้นำบอตสวานา กล่าวถึงสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ โอไมครอน ซึ่งส่งผลให้นานาประเทศปิดพรมแดนจากกลุ่มประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ว่าโดยส่วนตัวเขามองมาตรการที่ว่านี้ “ไม่จำเป็นและเป็นการดำเนินการโดยปราศจากความรับผิดชอบ”


ปัจจุบัน บอตสวานามีผู้ติดเชื้อยืนยันจากเชื้อโอไมครอนมากกว่า 20 คน ซึ่งมาซิซีกล่าวว่า ไม่ได้มีเพียงชาวบอตสวานา “แต่ยังมีนักการทูตต่างชาติด้วย” โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ทางการบอตสวานาตรวจสอบย้อนหลัง พบว่า คณะบุคลากรทางการทูต 4 คน เดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 7 พ.ย. และกลับออกไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผลคัดกรองโควิด-19 เป็นบวก และผลตรวจอย่างละเอียดบ่งชี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าเป็นการติดเชื้อโอไมครอน


ทั้งนี้ ผู้นำบอตสวานากล่าวเพียงว่า เจ้าหน้าที่การทูตกลุ่มนั้นมีทั้งชาวยุโรปและจากประเทศอื่นด้วย และเดินทางผ่านหลายประเทศกว่าจะมาถึงบอตสวานา โดยปฏิเสธเปิดเผยให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต้นทาง และการเดินทางของนักการทูตกลุ่มนี้ เนื่องจาก “ไม่อยากเชื่อมโยงเรื่องโควิด-19 กับภูมิศาสตร์การเมือง”


ขณะที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวว่า แม้แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกที่แจ้งข้อมูลเรื่องเชื้อโอไมครอน แต่ไม่ได้หมายความว่า ต้นกำเนิดการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสอยู่ที่แอฟริกาใต้ และในทวีปแอฟริกา.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES