สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ว่านางเวนดี เชอร์แมน รมช.การต่างประเทศสหรัฐ และนายสเตฟาโน แซนนิโน เลขาธิการด้านกิจการภายนอกยุโรปของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกัน ว่ารัฐบาลวอชิงตันและสหภาพยุโรป (อียู) มีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อ “การดำเนินการฝ่ายเดียวที่เป็นปัญหา” ของรัฐบาลปักกิ่ง ในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก และช่องแคบไต้หวัน
ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่า รัฐบาลวอชิงตันและอียูต้องเพิ่มการให้ความสำคัญ กับการสานต่อและการเดินหน้าประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่าย เนื่องจากสหรัฐและยุโรปยกระดับการลงทุน และการส่งเสริมนโยบายด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคแถบนี้อย่างต่อเนื่อง การร่วมมือกับจีนตามกรอบความร่วมมือ “ที่เป็นไปได้” ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการการแข่งขัน และการจัดการแรงกดดันอย่างเป็นระบบ โดยจีนต้อง “ร่วมแสดงความรับผิดชอบ” เช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน เชอร์แมนและแซนนิโนยังร่วมกันแสดงความวิตกกังวล เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ที่ยังคงเป็นปัญหาทั้งในเขตปกครองตนเองทิเบต เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง นอกจากนี้ สหรัฐและอียูยังแสดงความพร้อมเพิ่มความร่วมมือ ด้านการแบ่งปัน “ข้อมูลเท็จ” ที่จีนเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดเนื้อหาเหล่านั้นด้วย
แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นความต่อเนื่องจากการหารือ สหรัฐ-อียู ครั้งที่สองในปีนี้ และทั้งสองฝ่ายมีกำหนดหารือกันต่อเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกต่อไป ด้านกระทรวงการต่างประเทศในกรุงปักกิ่งยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการในประเด็นนี้ แต่เคยวิจารณ์ว่า ตราบใดที่สหรัฐยังคงมีกรอบความคิดคับแคบอยู่แต่ในยุคสงครามเย็น รัฐบาลวอชิงตันจะยังคงมองทุกคนเป็นศัตรูอยู่ร่ำไป.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES