วานนี้ (2 ธ.ค.) เกิดแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 06.37 น. ระดับความรุนแรง 4.8 แมกนิจูดตามเวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นในพื้นที่ใกล้กับภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตก 100 กม. แต่ไม่มีรายงานว่าพบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง

กระนั้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็สร้างความกังวลให้ชาวญี่ปุ่นว่าจะส่งผลกระทบต่อภูเขาไฟฟูจิให้เกิดการปะทุขึ้นมาหรือไม่ จนเกิดเป็นกระแสในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น โดยชาวทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์แสดงความกังวลว่า “โตเกียวลำบากแน่ ถ้าภูเขาไฟฟูจิปะทุ แล้วยิ่งมีไวรัสโคโรนาระบาดด้วยแล้ว เราจะหนีไปที่ไหนได้?”

ภูเขาไฟฟูจิปะทุเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 300 ปีก่อน แต่มีสถานะเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ซ้ำยังอยู่บนเปลือกโลกที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง

เมื่อปีที่แล้ว คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลญี่ปุ่นเวลานั้นระบุว่า การปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิจะสามารถพ่นเถ้าภูเขาไฟจำนวนมากมาถึงโตเกียว ซึ่งจะทำให้เครือข่ายคมนาคมด้านการรถไฟและทางด่วนหยุดชะงักได้ภายใน 3 ชั่วโมง

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นกล่าวว่าไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ภูเขาไฟฟูจิจะปะทุ

“เราไม่พบความผิดปกติใดเป็นพิเศษในข้อมูลสังเกตการณ์ของภูเขาไฟฟูจิ อาจไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ (ระหว่างแผ่นดินไหวกับการปะทุของภูเขาไฟที่อาจเกิดขึ้น)” เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานกล่าวในการแถลงข่าว

อย่างไรก็ตาม ภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่บนที่ราบคันโต ซึ่งในอดีต เคยมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2466 ทำให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรงและก่อความเสียหายอย่างย่อยยับในหลายเมือง รวมทั้งโตเกียวและโอซากา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับแสนคน นอกจากนี้ ภูเขาไฟฟูจิยังอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฮาโกเน่ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับเช่นกัน และมีระดับของลาวาใต้ดินที่ตื้นมาก เพียงไม่กี่สิบเมตรจากผิวดิน ทำให้ชาวญี่ปุ่นบางส่วนเกิดความกังวลว่า หากภูเขาไฟฟูจิเปิดการปะทุขึ้นมา อาจส่งผลกระทบต่อภูเขาไฟฮาโกเน่ได้ด้วย

เครดิตภาพ : Getty Images