วันนี้ (24 พ.ย.) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.จะได้มีหนังสือแจ้งให้ทั้งบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด  (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการควบรวมกิจการ รูปแบบการดำเนินการ รายละเอียดและกำหนดเวลาตามแผนการ ดำเนินการในการควบรวมกิจการ ของสองบริษัท ตลอดจนผลกระทบและแนวทางเยียวยาผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อผู้ใช้บริการและตลาดที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการให้ทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้สำนักงาน กสทช. นำมาประกอบการพิจารณาการกำหนดมาตรการกำกับดูแล ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจต่อไป

อย่างไรก็ตามได้กำชับให้ทั้งสองบริษัทต้องรักษาสัญญาและคุณภาพบริการที่ให้กับลูกค้เป็นไปเช่นเดิมในระหว่างที่กำลังดำเนินการเพื่อควบรวมกิจการ และสำนักงาน กสทช. จะมีการติดตามตรวจสอบการเจรจาการควบรวม กิจการและ การให้บริการของทั้งสองบริษัทอย่างใกล้ชิดรวมทั้งจะพิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลที่จำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการและตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายไตรรัตน์ กล่าวต่อว่า ประชาชนผู้ใช้บริการของ ทรู และ ดีแทค ยังคงใช้บริการได้เหมือนเดิม สำนักงาน กสทช. จะคอยตรวจสอบคุณภาพการบริการของทั้งสองค่าย สำหรับการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท สำนักงานฯ จะคอยติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

“หลังจากทั้งสองบริษัทเข้าชี้แจง ให้ข้อมูลไปในทางเดียวกันว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจร่วมกันในครั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการปรับโครงสร้างธุรกิจโดยการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน โดยจะเริ่มต้นการดำเนินการด้วยกระบวนการ due diligence และจะปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการในแต่ละขั้นตอนต่อไป โดยจะแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการต่อสำนักงาน กสทช. ให้ทราบเป็นระยะ ๆ และในระหว่างนี้ทั้งสองบริษัทยังคงมีการบริหารงานที่แยกออกจากกันตามปกติและให้บริการกับลูกค้าของแต่ละบริษัทตามปกติเช่นเดิม”