เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) หรือ ศบค.ศธ. ซึ่งที่ประชุมได้สรุปข้อมูลการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 โดยขณะนี้ได้มีข้อมูลนักเรียนต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มขึ้นอีก 300,000 คน ดังนั้นจะสั่งการให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ไล่เช็กข้อมูลว่ามีในตัวเลขจำนวนนี้นักเรียนอยู่จังหวัดไหนบ้าง เพื่อส่งข้อมูลให้กรมอนามัยได้จัดสรรวัคซีนต่อไป ส่วนการรับวัคซีนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ได้รับทราบข้อมูลล่าสุดครูที่ยังไม่ได้รับวัคซีนทั้งสองเข็มมีอยู่ประมาณ 40,000 ราย ซึ่งตนได้ขอให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) สำรวจข้อมูลครูที่ฉีดวัคซีนสองเข็มแล้วจำนวนกี่ราย ฉีดเข็มแรกแล้วอีกจำนวนกี่ราย รวมถึงครูที่รับวัคซีนซินโนแวคสองเข็มและต้องเข้ารับการบูสเตอร์เข็มสามอีกจำนวนเท่าไหร่ เพื่อส่งสรุปตัวเลขให้กรมอนามัยพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้เหมาะสมต่อไป

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนเผชิญเหตุของแต่ละสถานศึกษานั้นยอมรับว่าโรงเรียนแต่ละแห่งปฎิบัติตามแผนเชิญเหตุของศธ.ได้อย่างดีเยี่ยม และสาธารณสุขจังหวัดและอำเภอประสานงานได้อย่างรวดเร็ว แม้ขณะนี้จะมีการเปิดเรียนในรูปแบบปกติ หรือ Onsite ประมาณ 13,000 แห่งแล้วแต่เท่าที่สำรวจยังไม่พบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ของโรงเรียนแบบชัดๆ เพราะส่วนใหญ่โรงเรียนสามารถคัดกรองได้ทันเวลา ซึ่งเรากังวลการระบาดในชุมชนที่อยู่อาศัยของนักเรียนมากกว่า อย่างไรก็ตามคาดว่าในวันที่ 1 ธ.ค.นี้โรงเรียนจะเปิดเรียน OnSite ได้ทั้งหมด 100% แต่ทั้งนี้การเปิดเรียนจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดเป็นผู้พิจารณาด้วย