นางบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล ผู้บริหารหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าและสิทธิประโยชน์ เอไอเอส เปิดเผยว่า จากการติดตามพฤติกรรมการใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ ของลูกค้าและคนไทย ทำให้พบว่า ช่องทาง ออนไลน์ อย่าง myAIS ได้เติบโตอย่างรวดเร็วจนวันนี้เป็นช่องทางอันดับ 1 ที่ลูกค้าและคนไทยเลือกใช้มากที่สุด ถึงกว่า 30 ล้านธุรกรรม/เดือน จาก 8 ล้านเลขหมายต่อเดือน และมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 50% เทียบจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบถ้วนและเรียลไทม์ จึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ myAIS ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา พร้อมประสบการณ์ความสะดวกสบายที่มากยิ่งกว่า จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่พัฒนาฟีเจอร์ล่าสุด เพื่อรวมบริการและสิทธิพิเศษด้านสุขภาพ, ชอปปิง และกิน/ดื่ม เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานในยุค New Normal ไปอีกขั้น

“เรายังภูมิใจ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนร้านค้าที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา โดย myAIS เป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักที่ช่วยให้ลูกค้าเอไอเอส สามารถตรวจสอบและใช้ AIS Points เป็นส่วนลดแทนเงินสด เพื่อเป็นการอุดหนุนร้านค้ารายเล็กในโครงการ เอไอเอส พารวย โดยปัจจุบันมีร้านค้าพารวยเข้าร่วมโครงการแล้วถึง 10,000 ร้านค้า รวมถึงร้านค้าถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการพอยท์เพย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย โดยสามารถใช้ AIS Points ได้เต็มจำนวน หรือจะเป็นส่วนลดจ่ายคู่กับเงินสดก็ได้เช่นกัน ซึ่งในขณะนี้มีร้านที่เข้าร่วมกว่า 45,000 ร้านค้า โดยภายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 200,000 ร้านค้า และภายในปีหน้า ร้านค้าถุงเงินจะเข้าร่วมรายการ 700,000 ร้านทั่วประเทศ”

นางบุษยา กล่าวต่อว่า ในทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป พฤติกรรมผู้บริโภคจะมีความซับซ้อนมากขึ้น การจะตอบโจทย์ความต้องการเพื่อส่งมอบบริการและประสบการณ์ที่ตรงจุดได้ คือต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ นับเป็นความท้าทายในการสร้างสรรค์งานบริการทั้งในส่วนของ Functional และ Emotional โดยมีเป้าหมายให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดเพราะสินค้าหรือบริการ 1 อย่าง ย่อมไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มได้  ดังนั้น จึงหมดยุคของการคิดแบบ One Size Fits All อีกต่อไป จึงมุ่งมั่นมุ่งสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อการใช้งานแบบไร้รอยต่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมก้าวสู่ความเป็น Personalized Super App ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน