เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผ่านระบบ ZOOM เพื่อหารือสถานการณ์ทางการเมือง โดยมีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาในการประเมินสถานการณ์รัฐบาลต่อการระบาดของโควิด-19 แนวโน้มสถานการณ์ต่อจากนี้ ความขัดแย้ง ความล้มเหลว และจังหวะก้าวของฝ่ายค้าน รวมถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 ต่อนายกฯ ทั้งคณะหรือรายบุคคล และเรื่องอื่นๆ โดยมีหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ที่ปรึกษา และตัวแทนพรรค อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย
ทั้งนี้ สรุปผลการประชุมที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติเห็นว่า สถานการณ์ประเทศในปัจจุบันอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นสูงสุด ประชาชนกำลังล้มตาย ประเทศกำลังเสียหายยับเยิน จากการระบาดของโควิด-19 โดยทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและล้มเหลวของรัฐบาล จนไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่มากไปกว่านี้ได้ ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นร่วมกันว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าเพื่อความรอบคอบและความครบถ้วนของประเด็นการอภิปราย รวมถึงการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน จึงเห็นสมควรเชิญพี่น้องประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ในการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเสนอให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมโดย ส่งข้อมูลความผิดพลาด ล้มเหลว รวมถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นมายังพรรคร่วมฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็น “การอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกันระหว่างพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และพรรคร่วมฝ่ายค้าน” ในการหยุดยั้งรัฐบาลที่ล้มเหลว ซึ่งในระหว่างที่ไม่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน โดยจะนำเสนอท่าทีและความเห็นต่อสถานการณ์ประเทศต่อไป โดยจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 19 ก.ค. 64 เวลา 10.00 น. ส่วนรูปแบบการประชุมนั้นจะเป็นไปตามกฎหมายกำหนด หลังจากสภาเปิดให้มีการร่วมประชุมได้ จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง.