เมื่อวันที่ 12 ก.ค. เวลา 12.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ผ่านระบบออนไลน์ ว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติสำคัญในการควบคุมป้องโรคโควิด-19 จำนวน 4 เรื่อง 1. คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบฉีดสลับชนิด เข็มที่ 1 เป็น ซิโนแวค เข็ม 2 เป็น แอสตราเซเนกา ห่าง 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูง ป้องกันเชื้อเดลตา (อินเดีย) ให้ รพ.ต่างๆ ดำเนินการได้ทันที เพื่อให้เกิดประโยชน์กับบุคลากรด่านหน้า 2. ที่ประชุมรับทราบการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า โดยให้เข็ม 3 ห่างจากเข็ม 2 ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งบุคลากรด่านหน้าได้รับวัคซีนเกิน 3-4 สัปดาห์แล้ว ดังนั้นสามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อระตุ้นภูมิสูงและเร็วที่สุด สำหรับวัคซีนที่ใช้ จะเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นหลัก เนื่องจากมีข้อมูลว่าการใช้วัคซีนบูสเตอร์โด๊สต่างชนิดนั้นสามารถกระตุ้นภูมิได้สูง

3. เห็นชอบใช้ชุดตรวจแอนติเจน เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการตรวจในสถานการณ์ที่มีการระบาดในหลายพื้นที่ ประชาชนจะได้ไม่ต้องรอคิวตรวจ RT-PCR ที่รอนาน ปัจจุบันมีผู้ขึ้นทะเบียนชุดตรวจแล้ว 24 ยี่ห้อ ตรวจในสถานพยาบาล 300 แห่ง ที่ได้รับการรับรอง ในเร็วๆ นี้จะอนุญาตให้ตรวจที่บ้านได้นั้นเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.กำกับดำเนินงาน

4. เรื่องการแยกกักที่บ้าน และชุมชน ในผู้ป่วยที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่จะสามารถทำตามมาตรการนี้ได้ สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่สามารถเข้ารับการรักษาใน รพ. และไม่มีอาการรุนแรงก็จะใช้กักที่บ้าน ส่วนการกักในชมุชน ก็จะเป็นการกักบ้านที่อยู่ในชุมชน ทั้งนี้จะมีเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และมีปรอทวัดไข้ รวมทั้งยารักษา อาหาร ที่ สปสช.ได้ทำแนวทางขึ้นมาแล้ว

นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบแนวทางการดำเนินงาน หน่วยบริการปฐมภูมิ คลินิกชุมชน และ สธ.กว่า 200 ทีม ใน กทม. เพื่อดูแลผู้ป่วยโควิดถึงบ้าน ทั้งทางการ และจิตใจ หรือผู้ป่วยที่กลับจาก รพ.แล้ว

“ถึงแม้การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะช่วยลดการป่วยหนัก เสียชีวิต ชะลอการระบาด ลดภาระสถานพยาบาล แต่กระทรวงขอแนะนำเรื่องมาตรการส่วนบุคคล คือสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ งดคลุกคลีใกล้ชิดกับบุคคล งดรับประทานอาหารร่วมกันทั้งที่ทำงาน และคนในบ้าน โดยเฉพาะการลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น การจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชน ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด ซึ่งเรามั่นใจว่าจะควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้” นายอนุทิน กล่าว

แหล่งข่าวในคณะกรรมการโรคติดต่อให้ข้อมูลผ่านโทรศัพท์ ว่า มติข้อที่ 1 คือการฉีดวัคซีนสลับชนิด เข็มแรกเป็น ซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา จะดำเนินการฉีดในประชาชนทั่วไป จากนี้ไปจะเราจะไม่มีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2  เป็นซิโนแวค บวกซิโนแวคอีก  ทั้งนี้จากข้อมูล การฉีดเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตราฯ นั้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงเกือบเท่ากับการฉีด แอสตราฯ บวก แอสตราฯ แต่ข้อดี คือสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มสูงได้ในเวลาเร็วกว่า.