ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับฟังการแถลงผลงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และโครงการสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนในปี 2565 พร้อมมอบนโยบาย โดยมี คณะรัฐมนตรี เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า การดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมิติทางกฎหมายและ การบริหารจัดการทางเศรษฐกิจทั้งหลาย ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยมอบหมายให้ ศอ.บต. เป็นศูนย์กลางการประสานงานและดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ตามที่ กพต. ได้เห็นชอบ และแต่งตั้งอนุกรรมการรับผิดชอบ โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการ รวมถึงได้ให้คณะกพต. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนโครงการตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายไว้ ซึ่งหลังจากนี้การพัฒนาในระยะต่อไปจะต้องมีความเข้มข้นและเห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน เพื่อมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงวางรากฐานการพัฒนาที่เชื่อมโยงให้พี่น้องประชาชนและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในประเทศไทยได้อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันในทุกมิติ

ด้านพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งตลอดระยะ 2 ปี ที่ผ่านมา กพต.มีผลงานที่สำคัญหลายเรื่อง เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนในพื้นที่ ได้รับประโยชน์และความสุข สามารถบรรเทาทุกข์รวมถึงแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังประสบความสำเร็จได้ ในการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชนต่อการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ นอกจากนี้ยังได้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ที่ต้องได้รับการดูแลและช่วยเหลือเป็นพิเศษเร่งด่วน เพื่อให้เติบโต เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญต่อไปในภายภาคหน้าสำหรับผลสำเร็จและความก้าวหน้าในห้วงที่ผ่านมา ประกอบด้วย การดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนอันเนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้เกิดการว่างงาน ขาดอาชีพและรายได้ การเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย และอื่น ๆ ของแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างเป็นรูปธรรม การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ที่ดินและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ตามแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในระยะ 2 สองปี ที่ผ่านมา นำร่องปลูกไผ่ในพื้นที่ 10,000 ไร่ เกษตรกรประมาณ 1,500 ราย และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกร ไม่น้อยกว่าปีละ 72 ล้านบาท การพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย (9 ด่าน) เพื่อยกระดับการบริการ และการค้าชายแดน ให้มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานความปลอดภัย ทางการแพทย์ให้สูงขึ้นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของพื้นที่ในระยะยาว นอกจากนี้ การขับเคลื่อนสภาสันติสุขตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านชุมชนและตำบล จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นโครงการต้นแบบการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการแผนงาน โครงการ และงบประมาณ ไปสู่ประชาชนในระดับหมู่บ้านและตำบลอย่างแท้จริง รวมถึงการแก้ไขปัญหาผลผลิตตกต่ำของเกษตรกร ทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการประสานรับซื้อเร่งด่วน และการแก้ไขปัญหาระยะยาว ด้วยการเติมห่วงโซ่คุณค่าให้ครบถ้วน อาทิ การเพิ่มขึ้นของโรงงานเกษตรแปรรูป โรงงานทุเรียน โรงงานมะพร้าว โรงงานกล้วยหิน โรงงานไผ่ เป็นต้น และการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ ในยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นตัวอย่าง ของความสำเร็จที่ กพต.ได้ร่วมกันทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ กพต.ยังได้มีมติที่สำคัญที่จะวางรากฐานขับเคลื่อนการทำงานในระยะต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุกเรื่องของการพัฒนาได้ประสานเชื่อมโยงการพัฒนาในทุกมิติสอดคล้องกัน อาทิ การพัฒนาพื้นที่เฉพาะ ผ่าน โครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ทั้ง 4 เมือง ต้นแบบ การยกระดับการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็น “เมืองปศุสัตว์” “เมืองปูทะเลโลก” “เมืองแห่งผลไม้” และ “เมืองแห่งพืชพลังงาน” รวมทั้งการดูแลสุขภาพและอนามัยแม่และเด็กที่เป็นปัญหาสำคัญของพื้นที่มากว่า 10 ปี การรณรงค์ปรับเปลี่ยนทัศนคติของการลดการตายที่สามารถป้องกันได้ด้วยการทำวัคซีน และการเข้าถึงบริการของรัฐด้านสาธารณสุข ตลอดจนการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนภาษาไทย เพื่อให้เด็กในพื้นที่ตั้งแต่การเรียนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ได้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาไทย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงโลกแห่งความรู้และความจริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างถูกต้อง

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า สำหรับการขับเคลื่อนโครงการสำคัญ ๆ ในปี พ.ศ. 2565 ประกอบด้วย การขับเคลื่อนงานตามกรอบการบูรณาการขับเคลื่อนขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แนวคิดจัดข้าราชการรับผิดชอบครัวเรือนยากจน โดยใช้ข้อมูลคนจนทั้ง 5 มิติ จากฐานข้อมูล TPMAP ประกอบด้วย ด้านสุขภาพ ด้านที่อยู่อาศัย ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐ เป็นเป้าหมายแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง ส่วนการดำเนินโครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจ ฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ส่งเสริมการเลี้ยงโคเป็นโครงการนำร่องดำเนินการในลักษณะโครงการขยายผลโดยนำความสำเร็จ และถอดบทเรียนของสหกรณ์เลี้ยงโคศรีวิชัย จากจังหวัดพัทลุงมาเป็นต้นแบบ และการดำเนินโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองต้นแบบเบตง จังหวัดยะลา “Amazean Jungle Trail” ด้วยการจัดการแข่งขันวิ่งตามภูมิประเทศ (trail running) เชื่อมระหว่างอำเภอเบตง กับพื้นที่บางส่วนของประเทศมาเลเซีย จัดการแข่งขันมินิมาราธอนระยะต่าง ๆ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 และมีแผนงานที่จะยกระดับให้เป็นสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติในระยะ 5 ปี ซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ การท่องเที่ยว เชิงกีฬาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ได้เป็นจำนวนมากการดำเนินการตามมติ กพต. รวมทั้งข้อเสนออื่น ๆ ของทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้รับการตรวจสอบกระบวนการวัดความนิยมและความพึงพอใจจากการทำงานของรัฐ จากความคิดเห็นของประชาชนในทุกแผนงาน โครงการและกิจกรรม โดยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป จะนำดัชนีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาเป็นตัวชี้วัดหลักของทุกส่วนราชการ จากผลการสำรวจไตรมาส 3 ของปี พ.ศ. 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้ปรับตัวดีขึ้นมา อยู่ที่ระดับ 51.87 กล่าวคือ ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามการดำเนินงาน ตามแผนงานโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก กพต.ในระยะ 2 ปี ที่ผ่านมา ซึ่ง ศอ.บต. ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ส่งผลทำให้การแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบผลสำเร็จและมีความก้าวหน้าในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ และสามารถตอบสนอง ต่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างสันติสุข ให้เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป