นายจริยาทร สูหู่ ผอ.ททท.เลย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ จ.เลย ได้ประกาศเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วนั้น ในหลายพื้นที่ของจังหวัด ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกที่น่าสนใจ รวมแล้วกว่า 20 แห่ง อาทิ จุดชมทะเลหมอกยอดภูเรือ ยอดภูกระดึง ยอดภูอีเลิศ ยอดภูค้อ ยอดภูลำดวน ยอดภูป่าเปาะ เป็นต้น ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่ม Gen Y สายแคมป์ปิ้ง เป็นอย่างมาก นอกจากกลุ่มนี้ยังมีกลุ่มสายแคมป์ปิ้งที่มีกำลังซื้อสูง เช่น กลุ่มแคมป์ปิ้งรถบ้าน และ กลุ่ม Big Bike ที่หลงใหลในเส้นทางการขับรถท่องเที่ยว

โดยเฉพาะถนนสายเชียงคาน-ปากชม (เลาะเลียบริมแม่น้ำโขง) ถนนสายด่านซ้าย-นาแห้ว หรือ ถนนสายด่านซ้าย-เชียงคาน (เลาะเลียบแม่น้ำเหือง) และถนนสายวังสะพุง-ภูหลวง-หล่มเก่า (ถนนลอยฟ้า) ที่มีเส้นทางโค้ง สลับกับจุดชมวิว จุดถ่ายภาพตลอดเส้นทาง โดยคาดว่าตลอดระยะเวลา 3 เดือน (พ.ย.64-ม.ค.65) จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้่ามาท่องเที่ยวยัง จ.เลย ไม่น้อยกว่า 3 แสนคน ทำรายได้กระจายในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 550 ล้านบาท

นายจริยาทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท.เลย ยังคงเดินหน้ากระตุ้นให้ผู้ประกอบการทั้งในส่วน จ.เลย และ หนองบัวลำภู ให้ความสำคัญกับการสมัครเข้าร่วมมาตรฐาน SHA และ SHA+ ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย