และแล้ว ลิเวอร์พูล ก็เสียความบริสุทธิ์ แพ้เป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ไปเรีบร้อย

ก่อนเกมบุกแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 เมื่อวันอาทิตย์​ลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ​ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในทุกรายการ 

และหากจะนับต่อเนื่องยาวไปถึงปลายซีซั่นที่แล้ว “หงส์แดง” ไม่แพ้ใครในเกมอย่างเป็นทางการมา 25 เกมติดต่อกัน(ไม่นับปรีซีซั่น) หรือหากถ้านับเฉพาะในลีก พวกเขาแพ้ใครไม่เป็นมา 20 เกมเข้าให้แล้ว 

แต่สุดท้ายก็มา “เสร็จ” เวสต์แฮม ของ เดวิด มอยส์​ แบบ “แพ้จริง ๆ” ซะด้วย 

ประตูแรกที่เสียตั้งแต่นาทีที่ 4 นั้น หลายคนอาจโวยว่า มิคาอิล ที่ไปรบกวน อลิสซอน เบคเกอร์​ น่าจะฟาวล์ แต่ถ้าดูภาพช้า หัวหอก “ขุนค้อน” ไม่ได้ชนหรือกระแทก และเมื่อ วีเออาร์ ดูแล้วบกว่าไม่ฟาวล์​มันก็คือไม่ฟาวล์!

 แต่เอาเข้าจริง ประตูที่ว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลจริงจังต่อรูปเกมอะไรมากมาย เพราะหลังจากนั้น “หงส์แดง” แทบจะบุกข้างเดียว แถมยิงตีเสมอได้ในช่วงท้ายครึ่งแรกจากฟรีคิกงามหยดของ เทรนต์​ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เสียด้วย 

จุดเปลี่ยนจริง ๆ มันน่าจะอยู่ในช่วง 8 นาทีระหว่างที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูที่ 2 และ 3 มากกว่า…

ประตูที่ 2 ที่ “หงส์แดง” เสีย เกิดจากการเสียบอลในแดนกลางแล้วโดนโต้ ซึ่งถ้าจะมีจุดผิดพลาดก็อาจเป็นการไม่ยอมตัดฟาวล์ และปล่อยให้คู่แข่งเลี้ยงตะลุยขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษได้อย่างสะดวกโยธิน แต่การเตะแบบนั้นมันอาจไม่ใช่ธรรมชาติของพวกมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ 

และพอเสียลูกที่ 2 แผงมิดฟิลด์ “หงส์แดง” เหมือนคนมึนยาแก้ไอ ยืนผิดตำแหน่ง ออกบอลช้าจนโดนตัดบอลกลางสนามอีกหลายรอบ เล่นเอาทั้ง เฟอร์จิลฟาน ไดค์ และ โฌแอล มาทิป ต้องไล่กวดกันน้ำบานไปหลายรอบ 

และสุดท้าย ลูกที่ 3 ของ เวสต์แฮม ก็มาแบบง่าย ๆ และเป็นแทคติกเดิม ๆ ในการให้นักเตะในทีมไปยืนป่วนนายทวารซึ่งโค้ชหลายคนก็ใช้กันไม่ใช่เรื่องใหม่ แถมลูกแรกพวกเขาก็โดนแทคติกนี้เล่นงานไปแล้ว ถ้าจะน่าตำหนิก็คงเป็นการที่นักเตะ ลิเวอร์พูล ปล่อยให้ อลิสซอน โดนป่นเหมือนเดิม ก่อนที่ เคิร์ท ซูมา จะทะยานโขกจมตาข่าย

หลังเสียลูกที่ 3 “หงส์แดง” เหมือนถูกปลุกจากภวังค์ และกลับมาครองบอลบุกกระหน่ำเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าสุดท้ายมันไล่ไม่ทัน 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความพ่ายแพ้เกมนี้มันไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของ “หงส์แดง” ฝ่ายเดียว แต่เครดิตเกือบทั้งหมดตต้องยกให้ เดวด มอยส์​ ที่วางแทคติกให้ “ขุนค้อน” ในเกมนี้แล้วมันเวิร์ค ขณะที่นักเตะของเจ้าถิ่นก็ทำได้ตามที่เจ้านายต้องการแบบเป๊ะ ๆ 

เรียกได้ว่าสาเหตุเกิน 50 เปอร์เซ็นต์​ของความพ่ายแพ้เกมนี้ มาจากความยอดเยี่ยยมของ เดวิด มอยส์ และลูกทีม

ส่วนลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์​ นั้น เกมนี้ถึงจะแพ้ แต่สิ่งที่ดีคือเห็นได้ชัดว่าพวกเขาสู้ยิบตา และพยายามเต็มที่แล้วภาพโดยรวมมันก็เป็นแค่เกมนัดหนึ่งที่หลายอย่างมันไม่เป็นใจ แต่ผมยังเชื่อว่ “โครง” ของพวกเขายังดีอยู่

และที่สำคัญ การมีช่วงเบรกทีมชาติมาทันทีหลังทีมแพ้แบบนี้ น่าจะเป็นผลดีกัพลพรรค “หงส์แดง” ไม่มากก็น้อย 

และเชื่อว่าพวกเขาจะกลับมาจากการรับใช้ชาติ​ โดยที่ความพ่ายแพ้ในเกมนี้กลายเป็นเรื่องในอดีตที่ไม่ได้กวนจิตกวนใจพวกเขาอีกต่อไปแล้ว…