นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี ผู้นำเอธิโอเปีย ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่อปี 2562 จากความพยายามสร้างสันติภาพกับเอริเทรีย ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกันมานานหลายทศวรรษ นานาชาติชื่นชมและยกย่องนายกรัฐมนตรีวัย 45 ปี ของเอธิโอเปีย “เป็นความหวังใหม่” ของกระบวนการสันติภาพอันยั่งยืนในทวีปแอฟริกา

นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี ผู้นำเอธิโอเปีย

อย่างไรก็ตาม ต่อมาอีกเพียงปีเดียว กองทัพเอธิโอเปียปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในภูมิภาคทิเกรย์ที่อยู่ทางเหนือของประเทศ ตามคำสั่งของอาบีย์ ซึ่งกล่าวหา “แนวร่วมปลดปล่อยชาวทิเกรย์” ( ทีพีแอลเอฟ ) ที่มีอิทธิพลยาวนานหลายทศวรรษในพื้นที่ ก่อความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของส่วนกลางก่อน ผู้นำเอธิโอเปียให้คำมั่นว่า ภารกิจทางทหารครั้งนี้จะไม่ยืดเยื้อและไม่ลุกลาม

Al Jazeera English

ทว่าผ่านมาแล้ว 1 ปี สถานการณ์สู้รบยังคงดำเนินอยู่และยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย มีรายงานผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,000 ราย ประชาชนหลายล้านคนในภูมิภาคทิเกรย์กลายเป็นผู้พลัดถิ่น มีทั้งลี้ภัยอยู่ภายในประเทศ และอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ท่ามกลางกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า ทีพีแอลเอฟต้องการยึดกรุงแอดดิสอาบาบา และโค่นอำนาจรัฐบาลของอาบีย์ ขณะที่ผู้นำเอธิโอเปียลั่นวาจา “เลือดต้องล้างด้วยเลือด”

แม้ความขัดแย้งในภูมิภาคทิเกรย์ทวีความรุนแรงในยุครัฐบาลอาบีย์ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับชาวเอธิโอเปีย ประเทศซึ่งแบ่งออกเป็น 10 ภูมิภาค แต่ละภูมิภาคค่อนข้างมีอิสระในการปกครองตนเอง ทั้งในด้านการใช้อำนาจทางการเมือง และการดำเนินนโยบายความมั่นคง นอกจากนี้ รูปแบบของรัฐบาลในแต่ละภูมิภาคยังแตกต่างกันออกไป ตามเชื้อชาติและขนบธรรมเนียมของแต่ละชนเผ่าด้วย

ก่อนอาบีย์ขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 2561 ทีพีแอลเอฟมีอิทธิพลอย่างมาก ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ถึงขั้นสามารถกดดันให้นายรัฐมนตรีคนก่อนหน้าอาบีย์ คือ นายไฮเลมาเรียม เดซาเลจ์น ลาออกจากตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดทางการเมืองในเอธิโอเปีย อาบีย์จึงพยายาม “จัดระเบียบ” โครงสร้างอำนาจในทิเกรย์ กลายเป็นความตึวเครียดระหว่างฝ่ายปกครองส่วนภูมิภาค กับรัฐบาลกลางในกรุงแอดดิสอาบาบา

ทหารเอธิโอเปียเดินทางเข้าสู่เมืองอาบีอาดี ในภูมิภาคทิเกรย์

สถานการณ์ตึงเครียดจนกระทั่งถึงจุดเดือด เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว หรือ 1 เดือนก่อนเกิดสงครามซึ่งยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน เมื่อทางการทิเกรย์เดินหน้าจัดการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ที่อาบีย์สั่งเลื่อนมาก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้นำเอธิโอเปียไม่พอใจอย่างหนัก ประกาศว่า รัฐบาลกลางในกรุงแอดดิสอาบาบาไม่มีทางยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ และประกาศตัดงบประมาณสนับสนุนสภาท้องถิ่นของทิเกรย์

การที่บรรยากาศในทิเกรย์เลวร้ายมากขึ้นทุกขณะ กระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวจากภายนอก ที่เดินหน้าเรียกร้องให้คู่กรณีทุกภาคส่วนหันหน้ามาเจรจากัน อย่างไรก็ตาม ความพยายามของทุกฝ่ายยังคงเป็นเส้นขนาน เมื่ออาบีย์และกองทัพเอธิโอเปียยืนยันว่า เป็นความชอบธรรมของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ในการต้องต่อสู้กับ “กองกำลังก่อการร้าย” ในภาคเหนือของประเทศ ด้านทีพีแอลเอฟและแนวร่วมกล่าวว่า อาบีย์หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว เนื่องจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงกลางปีนี้ “มีการทุจริตอย่างแพร่หลาย”

FRANCE 24 English

นอกจากนี้ รัฐบาลเอธิโอเปียยังกล่าวหา “กองกำลังจากภายนอก” คอยหนุนหลังทีพีแอลเอฟ เพื่อฟื้นฟูรัฐบาลทิเกรย์อีกครั้ง ขณะที่ทีพีแอลเอฟไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น เพราะยิ่งอาบีย์และคณะเชื่อมั่นแบบนี้นานเท่าไหร่ ยิ่งมีแต่จะทำให้เอธิโอเปียเดินสู่เส้นทางของการล่มสลายเร็วขึ้นเท่านั้น บ่งชี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการที่ผู้ซึ่งจะมาทำหน้าที่คนกลาง ต้องแสดงบทบาทว่า สามารถสร้างความเชื่อมั่นและเป็นที่น่าไว้วางใจให้กับทั้งรัฐบาลเอธิโอเปีย และทีพีแอลเอฟ “ได้อย่างแท้จริง”.

ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป

เครดิตภาพ : AP