กลับมาหัวใจโสดอีกครั้ง สำหรับพระเอกหนุ่ม มิกค์ ทองระย้า หลังเลิกรากับนางเอกสาว  โบว์ – เมลดา สุศรี ซึ่งในปีนี้หนุ่มมิกค์มีเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่ทำให้เจ้าตัวได้เติบโตขึ้น วันนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” เลยไม่พลาดไปพูดคุยกับหนุ่มคนนี้ ทั้งมุมมองและประสบการณ์ความรัก รวมถึงเปิดเป้าหมายในการใช้ชีวิต พร้อมอัพเดทผลงาน ทั้งละครที่กลับมารีรันให้แฟน ๆ ได้ฟินอีกครั้ง อย่าง “จากศัตรูสู่หัวใจ” ทางช่อง 7 รวมถึงละครที่กำลังถ่ายทำด้วย

พูดคุยเรื่องผลงาน

Q : อัพเดทผลงานตอนนี้ เห็น “จากศัตรูสู่หัวใจ” กลับมารีรันอีกครั้ง รู้สึกยังไงบ้าง​?

มิกค์ : ตื่นเต้นเหมือนเดิมเหมือนตอนที่ละครออนครั้งแรก ดีใจที่ละครกลับมารีรันอีกครั้ง พอได้ยินหลายคนที่ตอนเห็นข่าวว่าจะมีการนำกลับมาออกอากาศอีกครั้ง แล้วทุกคนบอกว่าอยากดู รอดูอยู่นะ เราก็ดีใจครับที่มีคนอยากดูละครของเรา บางคนก็บอกว่าคิดถึงคุณเจตน์กับโสภิตา ซึ่งใครที่คิดถึงเราทั้งสองคนก็ฝากติดตามชมกันได้เลยนะครับ

Q : ผลงานใหม่ อย่าง “บ่วงวิมาลา” ที่กำลังถ่ายทำ ตอนนี้ถึงไหนแล้ว​?

มิกค์ : ตอนนี้เริ่มถ่ายทำกันบ้างแล้วครับ เรื่องนี้ผมรับบท ‘กัน’ เจ้าของรีสอร์ท มีครอบแล้ว แต่งงานแล้ว และก็มีลูกแล้วด้วย มาครบ แถมเรื่องนี้เป็นการได้ทำงานกับ 2 นางเอกที่มาเจอกันครั้งแรก ก็เชือดเฉือนอารมณ์หนักเลยครับ ทั้งกับ ‘อรปรียา’ รับบทโดย เปรี้ยว (ทัศนียา การสมนุช) และ ‘วิมาลา’ รับบทโดย ปูเป้ (เกศรินทร์ น้อยผึ้ง) คืออยากให้ทุกคนได้ชมการเชือดเฉือนกับสองสาวให้ได้จริงๆ บทสนุกมากครับ

Q : อีกเรื่องคือ “สายเลือดสองหัวใจ” เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว​?

มิกค์ : เรื่องนี้ก็ท้าทายความสามารถมากเช่นกันครับ เพราะรับบทเป็นฝาแฝดครั้งแรก ซึ่งเราไม่เคยได้รับมาก่อน ในเรื่องรับบท ‘เจ’ กับ ‘โจ’ โดยเจเป็นคนเที่ยงตรงมีเหตุมีผล ส่วนโจจะเป็นคนลุย ๆ เก็บอารมณ์ ปากไม่ตรงกับใจ การแสดงออกจะเป็นแบบนักเลง และเรื่องนี้แน่นอนเป็นแนวดราม่า สืบสวนสอบสวน ความเข้มข้นของบท ทำให้เนื้อเรื่องสนุกตามไปด้วย ก็ต้องฝากทุกคนรอติดตามชมกันด้วยนะครับ

มุมมองในวงการ และรางวัลของนักแสดง

Q : การทำงานในช่วงโควิด-19 แบบนี้ปรับตัวยังไงบ้าง​?

มิกค์ : โห! มีการปรับตัวพอสมควรเลยครับ จากเดิมที่เมื่อก่อนเราตื่นเช้ามาก็ขับรถไปกองถ่ายไม่ต้องมีการตรวจสวอบก่อนเข้ากองทำงาน แต่เดี๋ยวนี้คือเราต้องมีการสวอบก่อนเข้ากองถ่าย ใส่แมสก์ แถมยังต้องดูแลล้างมือกันบ่อย ๆ มีการเว้นระยะห่างระหว่างกันในกองถ่าย การทานอาหารที่ต้องแยกกันหรือเป็นข้าวกล่องกัน ซึ่งหลาย ๆ อย่างเป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่เคยทำ แต่ตอนนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำกลายเป็นปกติของชีวิตประจำวัน

Q : ในเรื่องของบทบาทการแสดง ณ วันนี้ “มิกค์” มีวิธีเลือกรับบทยังไง?

มิกค์ : เราจะเอาบทมาอ่านทำการบ้านก่อน ว่าบทแบบนี้ คาแรกเตอร์แบบนี้เราเคยเล่นหรือยัง หรือมันมีจุดเด่น จุดแข็งตรงไหน คือเราอยากที่จะแสดงบทบาทใหม่ ๆ อยากให้แฟน ๆ ได้เห็นเราในมุมมองใหม่ ๆ ตลอด เราเองก็ตื่นเต้นแฟนละครก็สนุกไปกับเราด้วย

Q : มีบทบาทไหน ที่รู้สึกอยากย้อนกลับไปแสดงอีกครั้งบ้างมั้ย ไม่ว่าจะเป็นการย้อนเพราะรู้สึกว่าอยากทำให้ดีกว่าวันนั้น หรือเพราะเป็นบทที่ดีมาก จนอยากแสดงซ้ำอีกครั้งก็ตาม?

มิกค์ : มีหลายบทบาทเลยครับ ที่อยากกลับไปแสดงอีกครั้ง อย่างบทบู๊แบบเต็มตัว ก็คิดถึงเหมือนกัน อยากไปยืดเส้นยืดสายกันบ้าง เพราะเราเองก็ชอบออกกำลังกาย บทบู๊ก็เป็นอะไรที่คิดถึง อีกบทก็น่าจะเป็นบทมาเฟีย เท่ ๆ แบบสาวกรี๊ดอันนี้ก็หายไปนาน ก็อยากกลับมาลองเล่นอีกครั้งเหมือนกันครับ

Q : ในวงการบันเทิง “มิกค์” อยู่ในวงการมานาน จนเหมือนเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งในวงการไปแล้ว ณ วันนี้ความท้าทายในการทำงานในวงการบันเทิง สำหรับเราคืออะไร​?

มิกค์ : ก็อยู่มานานพอสมควรครับ จะเรียกว่าเป็นรุ่นพี่บ้างแล้วก็ว่าได้ ก็เริ่มมีน้อง ๆ มาเรียกพี่มิกค์ ก็เขิน ๆ ดีครับ แต่การที่เราอยู่มาจนถึงวันนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ตื่นเต้นแล้วกับการแสดง ทุกครั้งที่เราได้แสดงละครเรื่องใหม่ ได้รับบทบาท คาแรกเตอร์ใหม่ ๆ การได้เจอนักแสดงคนใหม่ ๆ การที่เราต้องปรับตัวกับการเจอกันในครั้งใหม่กับผู้กำกับ ทีมงานใหม่ มันก็ยังเป็นความรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายสำหรับเรานะในความใหม่ของทุกอย่าง การได้ทำงานในทุกวันสำหรับผมวันคือ ความท้าทายเสมอครับ

Q : คิดว่าสิ่งที่ทำให้ “นักแสดง” อยู่ในวงการได้นาน คืออะไร​?

มิกค์ : สำหรับผมมองว่าเป็นการทำงานครับ ถ้าเรามีความตั้งใจ มีระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้นี่แหละคือสิ่งสำคัญที่ที่ทำให้เราอยู่ในวงการได้นาน และทำให้เรามีงานต่อเนื่องตลอดเวลา

Q : รางวัลของ “นักแสดง” คืออะไร​​?

มิกค์ : รางวัลของนักแสดง คือผู้ชมครับ เราจะมีความสุขทุกครั้งที่เราไปเจอแฟน ๆ แล้วเขาบอกว่าละครเรื่องนี้ที่เราแสดง เราแสดงได้สมจริง บทบาทนี้แปลกตา แตกต่างกว่าครั้งก่อน คนดูบอกว่าชอบบทบาทนี้ที่เราแสดง ละครสนุกนะ คือสิ่งเหล่านี้แหละ คือรางวัลของการเป็นนักแสดงของผม

รู้จักตัวตนให้มากขึ้น พร้อมเปิดเป้าหมายในชีวิต

Q : มาในปีนี้ที่ทั่วโลกเจอปัญหามากมาย มันทำให้ “มิกค์” ได้เรียนรู้หรือเติบโตด้านไหนเป็นพิเศษ?

มิกค์ : ปัญหาเราต้องเจอรอบตัวหรือทั่วโลกตอนนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเราต้องโตขึ้น แข็งแรงขึ้นในมุมมองต่าง ๆ ทำให้เราต้องโตขึ้น ทั้งการทำงานและการดูแลตัวเองมีความรับผิดชอบให้มากขึ้น แม้แต่ไลฟ์สไตล์ชีวิตก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มันทำให้ผมต้องใส่ใจตัวเองมากขึ้น ต้องดูแลตัวเอง อย่างใส่ใจผิวพรรณจากแสดงแดด ทาครีมกันแดดครีมบำรุง ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น มันคือการรับผิดชอบของตัวเราที่ต้องเปลี่ยนแปลง มันคือการโตขึ้นครับ

Q : เวลารู้สึกหมดกำลังใจ จะบอกกับตัวเองว่าอะไร​?

มิกค์ : สำหรับผมคือ‘ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ’ ประโยคนี้จะพูดกับตัวเองตลอดเวลา มันเหมือนกับบอกตัวเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราตั้งใจทำจริงยังไงเราก็จะต้องประสบความสำเร็จครับ แต่มันอาจต้องมีบททดสอบหลายอย่างเข้ามาก็เท่านั้น

Q : สิ่งที่ภูมิใจที่สุด ที่เคยทำได้​​เรา?

มิกค์ : สามารถดูแลครอบครัวเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลคุณแม่และทุกคนได้ เราสามารถทำงานกับคนอื่นได้ ไม่ทำให้คนที่ทำงานกับเราเสียเวลา

Q : มีอะไรที่รู้สึกเป็นจุดอ่อนของเรา ที่อยากปรับปรุงหรือพัฒนาที่สุดอีกบ้างมั้ย​?

มิกค์ : หลัก ๆ ที่ผมคิดว่าเป็นจุดอ่อนของผมก็คือเสียงครับ ผมจะมีปัญหาเรื่องของการออกเสียง เวลาที่พูดหรือร้องเพลง จุดนี้ผมคิดว่าผมต้องพัฒนาให้มากขึ้นครับ

Q : เวลาพูดชื่อ “มิกค์ ทองระย้า” อยากให้คนนึกถึงอะไร?

มิกค์ : อยากให้ทุกคนนึกถึงบทบาทและผลงานที่เราได้รับ เพราะถ้าเขาพูดถึงผลงานของเรา แสดงว่าเราทำออกมาได้เป็นอย่างดี เขาถึงพูดถึงเรา มันเป็นอะไรที่คงจะรู้สึกดีมากครับ

Q : แพสชั่นในการทำงานหรือการใช้ชีวิตของ “มิกค์” คืออะไร?​

มิกค์ : สำหรับมิกค์ แพชชั่นที่สำคัญเลย คือการตรงต่อเวลา การมีระเบียบวินัยการทำงาน การเตรียมตัวที่จะทำงาน การทำการบ้าน เราต้องมีการเตรียมตัวให้ดีก่อนมาทำงานในทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านบท ทำความเข้าใจบท แม้กระทั่งการดูแลสุขภาพของเราเองอันนี้ก็สำคัญ สุขภาพของเราก็ต้องพร้อมตลอดเวลาด้วยครับ

Q : มาในปีนี้ “มิกค์” มีเป้าหมายในชีวิตยังไงบ้าง?

มิกค์ : ปีนี้มิกค์โฟกัสและตั้งใจกับงานละคร อยากจะถ่ายละครให้เต็มที่ ธุรกิจต่าง ๆ คงจะขอเบาลงก่อน เพราะด้วยโควิด-19 พิษเศรษฐกิจ แล้วก็หยุดงานละครไปนาน พอได้กลับมาทำงานช่วงนี้ ก็เลยคิดว่าปีนี้ขอโฟกัสเรื่องงานให้เต็มที่ที่สุดก่อนครับ

Q : ถามถึงดราม่าสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านคุณแม่ ที่ จ.สระบุรี ที่ผ่านมา ที่มีคนมองว่าทำไมไม่รับคุณแม่ไปอยู่ด้วย มีคนมาว่า “มิกค์” ทิ้งคุณแม่ไว้ที่บ้านน้ำท่วม ทั้งที่ความจริง ไม่ได้เป็นแบบนั้น และคุณแม่รับมือกับน้ำท่วมได้ แต่พอเจอคนมาดราม่าแบบนี้ ทั้งมิกค์และคุณแม่รับมือยังไง​?

มิกค์ : มิกค์ว่าเป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อยมากครับ เพราะจริง ๆ มิกค์อัปเดตกับคุณแม่ที่บ้านสระบุรีตอลดเวลา ตั้งแต่เริ่มเห็นข่าวว่าน้ำจะมา คุยกันเรื่องการวางแผนรับมือต่าง ๆ การยกของ ความเป็นอยู่ว่าถ้าน้ำท่วมจริง ๆ จะต้องทำยังไงกันบ้าง แล้วก็ถามแม่ตลอดว่าแม่จะให้ไปรับมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ มั้ย หรือย้ายออกจากบ้านตรงนั้นไปอยู่ที่อื่นก่อนหรือเปล่า แต่คุณแม่ก็ไม่ยอม ยืนยันอย่างเดียวว่าจะอยู่ที่นี่แหละ เป็นห่วงบ้านและก็ญาติ ซึ่งถ้าคุณแม่เลือกแบบนั้นแล้วก็ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหลายคนเราก็อุ่นใจ อาศัยโทรศัพท์อัปเดตตลอดเวลาแทนครับ

เจาะลึกเรื่องรัก

Q : ถามเรื่องความรักบ้าง หัวใจกลับมาโสดอีกครั้งแล้ว เป็นยังไงบ้าง?

มิกค์ : ก็ตอนนี้ขอทำงานก่อนดีกว่า โฟกัสงานเป็นหลัก ความรักขอเบาไปก่อนครับ

Q : จากประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้หรือเติบโตยังไง?

มิกค์ : ผมว่าความเข้าใจกัน คำนี้น่าจะครอบคลุมที่สุดครับ

Q : พูดถึงอีกหนึ่งความรัก คือแฟนคลับที่คอยซัพพอร์ทเราหน่อย มีอะไรที่ประทับใจในตัวแฟน ๆ มั้ย​​?

มิกค์ : พี่ ๆ เขาซัพพอร์ตเราในทุกสถานการณ์ ทุกคนน่ารักมาก เป็นพลังใจให้เราในการทำงาน เพราะทุกครั้งที่เราเจอกัน เขาก็ให้กำลังใจเรา เราพอเห็นแบบนั้นก็อยากที่จะเป็นพลังส่งกลับให้เขาเช่นกัน หลายครั้งกับหลายสถานการณ์ พี่ ๆ คือส่วนหนึ่งที่เป็นพลังซัพพอร์ตที่สำคัญสำหรับมิกค์เช่นกันครับ

Q : ท้ายสุดฝากผลงานและฝากความห่วงใยถึงแฟน ๆ ที่คอยมอบความรักให้เราหน่อย?

มิกค์ : ​ฝากละครที่กำลังรีรันอยู่ตอนนี้ ‘จากศัตรูสู่หัวใจ’ รีรันทุกคืนวันพุธ พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 เอชดี ที่ตอนนี้กำลังสนุกมาก แล้วฝากทุกคนรอติดตามชมละครที่กำลังถ่ายทำอีก 2 เรื่อง ‘บ่วงวิมาลา’ และ ‘สายเลือดสองหัวใจ’ ด้วยนะครับ แล้วอยากฝากความห่วงใยถึงพี่ ๆ แฟนคลับทุกคน หากใครหลายคนที่อาจกำลังประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีโดยเร็ว และที่สำคัญกับสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ พวกเราทุกคนต้องการ์ดอย่าตกนะครับ ​

เรียกว่าเป็นอีกปีที่ทำให้หนุ่ม “มิกค์” ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง ทั้งในการใช้ชีวิตและเรื่องความรักจริง ๆ