น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที เปิดเผยว่า  หลังจากที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้มอบหมายให้ เอ็นที บริหารจัดการดาวเทียมต่อจาก บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่หมดสัญญาสัมปทานดาวเทียมดวงที่ 4 และ 6 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้เร่งดำเนินการให้ฝ่ายขายติดต่อลูกค้าเก่าในประเทศ รวมถึงต่างประเทศทันที ควบคู่กับการหาลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐด้วย โดยเอ็นทีก็มีทีมขายที่รับผิดชอบในส่วนนี้อยู่ ขณะที่สัญญาการส่งมอบทรัพย์สินนั้น ยังไม่มีการเซ็นรับแต่อย่างใด เพราะกำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบทั้งสัญญาและทรัพย์สินว่าถูกต้องและไม่ผิดกฎหมาย และสัญญาได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่ขัดคำสั่งศาล ฯลฯ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

“การรับมอบดาวเทียมมาบริหารจัดการต่อนั้น ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามแผนเดิมที่ไทยคมเคยวางไว้ เพราะ เอ็นที ไม่ใช่เอกชน การนำดาวเทียมมาบริหารจัดการต้องคำนึงถึงการให้บริการกับประชาชน กับสาธารณชน และหน่วยงานภาครัฐด้วย เพราะ เอ็นที เป็นรัฐวิสาหกิจ ดาวเทียมที่ได้มาต้องนำมาส่งเสริมกับโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมอื่นๆ ด้วย เช่น นำดาวเทียมไปใช้ในพื้นที่ห่างไกล เช่น บนภูเขาสูง ทดแทนการลากสาย ไฟเบอร์ที่เข้าไปไม่ถึง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าและประหยัดงบประมาณได้ด้วย”

น.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการบริหารจัดการดาวเทียมดวงที่ 4 จะแตกต่างจากดวงที่ 6 เพราะดวงที่ 4 มีอายุวิศวกรรมอีกเพียง 2 ปี ซึ่งอาจจะอยู่ถึงหรือไม่ถึงก็ได้ การจะลงทุนใหม่อาจไม่คุ้มค่า จึงเห็นว่า ควรนำไปให้บริการ กับสาธารณประโยชน์ให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งตรงกับแนวคิดของรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยและห่างไกลได้ใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่วนไทยคม 6 ยังมีอายุวิศวกรรมอีกประมาณ 8 ปี ซึ่งก็มีแผนนำมาให้บริการเพื่อภาครัฐด้วย โดยอาจจะคิดค่าใช้จ่ายในราคาถูกกว่าปกติ หรือลดราคาให้ ซึ่งจะช่วยให้มีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย และหน่วยงานหรือองค์กรรัฐก็มีดาวเทียมใช้ในราคาประหยัด

“เอ็นที มีความได้เปรียบผู้ให้บริการรายอื่น เพราะมีทรัพย์สินโทรคมนาคมทั้งของ กสท โทรคมนาคม  และของ ทีโอที เดิม ที่ได้ควบรวมบริษัท เป็นเอ็นที สามารถใช้งานร่วมกัน ทดแทนกัน ซึ่งโครงข่ายครอบคลุมทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ดังนั้นลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าบริการของเอ็นที จะไม่สะดุดเพราะมีโครงข่ายที่มากที่สุดและสำรองในการใช้งานร่วมกันได้”