ฟิโอนา ฮิลล์ พูดภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วก็เฝ้าสังเกตอย่างตั้งใจโดยจับฟังคำสนทนา เมื่ออยู่บนโต๊ะเดียวกันจากชายผู้ทำตัวเหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ ณ ขณะนั้น แต่เธอกลับจำได้อย่างแม่นยำ แล้วก็ร่ายยาวออกมาเป็นตัวหนังสือ โดยย้อนความจำให้ฟังระหว่างให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีว่า เป็นเรื่องราวของผู้ชายที่จะไม่พูดอะไรอย่างนั้นต่อหน้าเธอ แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอกำลังฟังอยู่

ฮิลล์คาดหวังว่าคงจะไม่ถูกมองข้ามไปราวกับไม่มีตัวตน เมื่อต่อมาเธอต้องมาทำงานให้กับผู้นำระดับโลกอีกคนหนึ่ง เขาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อเธอต้องมารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านรัสเซียประจำทำเนียบขาว ทำให้เธอสามารถมองเห็นความคิดในหัวของผู้นำรัสเซียได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงได้ร่วมเขียนหนังสือเล่มหนึ่งออกมา ในทำนองสรรเสริญผู้นำรัสเซีย แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐสมัยที่แล้ว กลับไม่ต้องการคำปรึกษาจากเธอเลย แม้จะร่วมประชุมกันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยังเพิกเฉยหรือไม่สนใจเธอ แถมครั้งหนึ่งยังเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นแค่เลขานุการ และเรียกเธอว่าที่รัก

นั่นก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เธอต้องทำได้แค่รับฟังอย่างเดียว ทำให้เธอสามารถอ่านความคิดในหัวของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เหมือนกับที่เคยอ่านความคิดของผู้นำรัสเซียมาแล้ว ผลก็คือที่มาของหนังสือที่ชื่อว่า “There Is Nothing for You Here” หนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่ายเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่อาจจะต่างไปจากนักเขียนคนอื่น ที่เคยทำงานสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อเธอไม่ได้ถูกครอบงำโดยเรื่องน่าอับอาย แต่เหมือนกับเธอได้บอกเล่าถึงคำให้การอย่างน่าประทับใจ ในการพิจารณาเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐออกจากตำแหน่ง ตามความผิดในข้อหาร้ายแรงครั้งแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่หนังสือกลับนำเสนอเรื่องราวได้อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นเตือน ให้นึกถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของผู้นำสหรัฐคนที่ 45 ก็ได้

ถ้าการนำเสนอของเธอถูกยับยั้งเอาไว้ โดยถูกตัดทอนออกไปมาก แต่ก็แสดงออกมาได้ว่า อาชีพของข้าราชการที่อุทิศตัวให้กับการทำความเข้าใจ และบริหารจัดการภัยคุกคามจากรัสเซีย แต่นั่นกลับทำให้เธอต้องแฉกลับว่า แท้จริงแล้วภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศนั้นกลับมาจากในสหรัฐอเมริกาเอง

Associated Press

รายละเอียดของความไม่มีตัวตนของเธอ ได้กล่าวถึงประธานาธิบดีผู้มีความหิวกระหายในคำชื่นชม แต่กลับไร้รสนิยมในการบริหาร แล้วยังคงใช้คนที่บอกตัวเขาว่า ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับประเทศอื่น จะดีขึ้นหรือเลวร้าย ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำต่างชาติคนนั้นถูกกำราบลงแค่ไหนในความคิดเห็นของเขา

ไม่ว่าเจ้าหน้าที่หรือใครก็ตามที่ถูกเรียกใช้แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้เจ้าหน้าที่ต้องรับฟัง และประจบประแจง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการต่างประเทศ ความทระนงเกินไปของประธานาธิบดีสหรัฐ และการได้รับความเคารพอันแสนเปราะบาง กลับเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุด

เธอยังบอกอีกว่า ประธานาธิบดีปูตินเคยหลอกใช้ประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยคำชมเชย ซึ่งดูเหมือนว่าจะใช้ได้ผลกับผู้นำสหรัฐคนนี้ แทนที่จะใช้แผนสกปรกเล่นงาน ช่วงการแถลงข่าวร่วมกันที่ประเทศฟินแลนด์ ประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนจะเข้าข้างประธานาธิบดีปูตินเรื่องหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐ ที่ระบุว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2559

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งที่เธอเห็นและประทับใจนั่นคือ การทำงานอย่างหนักของประธานาธิบดีทรัมป์ พูดคุยกับทุกคน เทียบกับการทำงานของนางฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ซึ่งทำงานสบายหน่อยตรงที่ออกไปงานหาเสียงระดมทุน ดื่มแชมเปญกับกลุ่มผู้สนับสนุนและบริจาค

เธอทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2549-2552 และยังได้รับการยอมรับว่า เป็นคนวงในระดับสูงในวอชิงตัน แต่เมื่อมีการพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐออกจากตำแหน่ง เธอกลับกลายเป็นหนึ่งในจำนวนพยานที่ให้การปรักปรำประธานาธิบดีสหรัฐที่ทำงานด้วยมากที่สุด เช่น เรื่องส่งทูตไปยูเครน เพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองในประเทศเท่านั้น หาใช่เรื่องความมั่นคงแห่งชาติแต่อย่างใด.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP