เมื่อวันที่ 29 ต.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคุรุสภาว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดทำร่างประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. … โดยการแก้ไขเนื้อหาสาระของร่างดังกล่าว คือ ข้อ 6 ให้ยกเลิกความในข้อ 7 แห่งประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. 2563 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ 7 สมรรถนะทางวิชาชีพครู ประกอบด้วย (ก) ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ได้แก่ วิชาชีพครู วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร วิชาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร วิชาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา และวิชาเอกตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด  ส่วน (ข) การปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ได้แก่ การจัดการเรียนรู้ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน และการปฏิบัติหน้าที่ครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพ ทั้งนี้ให้มีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู เมื่อคุรุสภาปรับปรุงระบบการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา ให้เชื่อมโยงกับวิชาเอกที่จะดำเนินการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับการปรับปรุงแก้ไขร่างฉบับดังกล่าวนั้นที่ประชุมเห็นว่า การจัดการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู และด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. 2563 นั้น เป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา ตามมาตรา 20 (1) ซึ่งมีสภาพบังคับให้คุรุสภาดำเนินการอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นเราจึงมองว่าการสอบวิชาเอกยังคงให้มีอยู่ต่อไป แต่จะปรับกระบวนการสอนวิชาเอกใหม่ว่าจะมีการนำมาใช้เพื่อทดสอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้อย่างไรบ้าง ดังนั้นการทดสอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.2565 นี้จะยังไม่มีการทดสอบวิชาเอกเกิดขึ้น แต่เมื่อกระบวนการพัฒนาการสอบวิชาเอกเสร็จสิ้นภายใน 2 ปีต่อจากนี้ นักศึกษาครูที่จบการศึกษาในปี 2567 อาจจะต้องได้รับการทดสอบวิชาเอกเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู