เมื่อวันที่ 11 ก.ค.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในกทม. และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดชายแดนใต้ ว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ติดโควิด-19ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. และปริมณฑลของอดีต ส.ส. กทม. อดีตส.ก. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค พบว่า การดำเนินการ เพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19ยังมีข้อบกพร่องที่ควรเร่งปรับปรุงแก้ไขมากมายหลายประการ จึงมีข้อเสนอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งปรับปรุงแก้ไขการทำงานเพื่อให้การล็อกดาวน์เป็นไปตามเป้าหมายควบคุมการแพร่ระบาดและช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบแบบครบวงจร

นายองอาจ กล่าวต่อว่า โดย 1.จะต้องมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ต้องมีปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันมากกว่าการตั้งรับ โดยเฉพาะในชุมชนแออัดต้องมีการคัดกรองอย่างทั่วถึง และเมื่อพบการแพร่ระบาดต้องนำผู้ติดเชื้อแยกออกจากครอบครัวและชุมชนอย่างรวดเร็ว และดูแลกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อเพราะเป็นบุคคลที่มีโอกาสติดเชื้อสูง 2.ปรับการวางแผนนโยบายวัคซีนใหม่ให้ทันกับสถานการณ์แพร่ระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป และ3.จัดให้มีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มอาชีพบริการทุกประเภท กลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก

นายองอาจ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าทาง ศบค. ประกาศล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ผลจะต้องปรับปรุงการทำงานที่บกพร่องในช่วงที่ผ่านมาจึงจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี จะต้องลงมากำกับดูแลการปฏิบัติการในพื้นที่อย่างจริงจัง อย่าเพียงนั่งรับรายงานแล้วประชุมสั่งการจากทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น เพราะการลงมากำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเกาะติดสถานการณ์ถึงระดับพื้นที่ด้วยวิธีการต่างๆจะช่วยทำให้แก้ปัญหาได้รวดเร็ว.