เมื่อวันที่ 4 พ.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการข้อเสนอการเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พร้อมสนับสนุนงบประมาณ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กิจกรรมในรูปแบบแพ็กเกจบริการสำหรับ อสม. เพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน มีเป้าหมายทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ 75,142 แห่ง และตัวชี้วัดเพื่อกำกับติดตามผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยไตเรื้อรัง ในการจ่ายตามผลลัพธ์บริการ 5 ตัวชี้วัด ที่ประชุมยังมอบหมายให้ สปสช. ออกแบบกลไกการบริหารงบฯ แหล่งงบฯ หลักเกณฑ์ วิธีการ และการจ่ายชดเชยค่าบริการ เพื่อรองรับการจัดบริการและตัวชี้วัดดังกล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับบทบาทของ อสม. ในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนเชิงรุกห่างไกลเอ็นซีดี ที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วย 1.คัดกรองสุขภาพ (35 ปีขึ้นไป) ได้แก่ เบาหวาน ความดัน BMI เป็นต้น โดยใช้แอปพลิเคชัน SMART อสม. 2.ให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การนับคาร์บ การควบคุมอาหารหวานมันเค็ม การออกกำลังกาย 3.สร้างอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) ดูแลการกินยา สุขภาพใจ จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ตามแนวทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) 4.เยี่ยมบ้าน ติดตามร่วมกับเจ้าหน้าที่ มีวางแผน ติดตาม ประเมินสุขภาพร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำทุกสัปดาห์/เดือน และ 5.ร่วมกิจกรรมรณรงค์สุขภาพในชุมชน สนับสนุนให้เกิดมาตรการในชุมชน และใช้ศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชนเป็นฐานบริการประชาชนในชุมชน
ส่วนชุดเครื่องมือให้บริการของ อสม. ประกอบด้วย 1.เครื่องชั่งน้ำหนักและสายวัดรอบเอว 2.เครื่องวัดความดันโลหิตแบบพกพา 3.เครื่องวัดความเค็ม (Salt Meter) 4.เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้วพร้อมแผ่นตรวจ 5.การบันทึกข้อมูลในแอป SMART อสม. โดยให้ความรู้กลุ่มเสี่ยงและติดตามเพื่อควบคุมผู้ป่วยตามแผนการรักษาของแพทย์ 6.แนะนำผู้ป่วยและประชาชนใช้แอป Food4Health ในการควบคุมอาหาร
นอกจากนี้ยังกำหนดตัวชี้วัดกำกับติดตามผู้ป่วยสำหรับการจ่ายตามผลลัพธ์บริการ ดังนี้ 1.ลดจำนวนผู้ป่วยโรคเอ็นซีดีรายใหม่ 2.จำนวนผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงอยู่ตามเป้าหมายโดยไม่ต้องใช้ยาในการตรวจ 2 ครั้งติดกัน ห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน 3.จำนวนผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ตามเป้าหมายในการตรวจ 2 ครั้งติดกัน ห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน 4.จำนวนผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ที่ควบคุมความดันโลหิตสูงได้ตามเป้าหมายในการตรวจ 2 ครั้งติดกัน ห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน และ 5.จำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ระยะที่ 1-3 ลดโอกาสการดำเนินโรค ชะลอความเสียงของไตไปเป็นระยะที่ 3 หรือมากกว่าในการตรวจ 2 ครั้งติดกัน ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน
“โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานไม่พึ่งอินซูลิน เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศ ซึ่งจากข้อมูล 10 อันดับโรคบริการผู้ป่วยนอกในระบบบัตรทอง ปี 2566 พบว่ามีอัตราการรับบริการสูงเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 โดยมีจำนวนรับบริการ 19,898,178 ครั้ง และ 11,309,503 ครั้งต่อปี ดังนั้นการขับเคลื่อนนโยบายนี้เชื่อว่าจะช่วยลดผู้ป่วยลงได้ โดย สปสช. จะเร่งดำเนินการตามมติบอร์ด สปสช. ที่เห็นชอบโดยเร็ว” เลขาธิการ สปสช. กล่าว.