เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า” ถึงหลักเกณฑ์การให้สัญชาติ-สถานะ บุคคลอพยพ 4.8 แสนราย ไม่รวมกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทย ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ เพื่อเร่งการแก้ไขปัญหาการให้สัญชาติกับกลุ่มชาติพันธ์ุ ที่มีการพิจารณาให้สัญชาติมาตั้งแต่ 50-60 ปีที่ผ่านมา และราชการทำทะเบียนไว้แล้ว แบ่งเป็น กลุ่มคนที่ยังไม่ได้ได้รับสัญชาติไทย แต่เข้าสู่กระบวนการแปลงสัญชาติแล้ว จำนวน 350,000 คน กลุ่มลูกของคนที่เกิดจากกลุ่ม 350,000 คน อีกประมาณ 140,000 คน รวมทั้งหมด 480,000 คน ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้ทยอยให้สัญชาติไทยให้กับคนเหล่านี้ ที่มีการพิสูจน์ว่าไม่ได้เข้ามาโดยมิชอบ โดยหลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทยจะออกประกาศภายใน 30-60 วัน และคนกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิทางการเมือง ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
นายจิรายุ ยังกล่าวว่า การให้สัญชาติดังกล่าว มีขั้นตอนการตรวจสอบ การดำเนินการ และลงทะเบียนมาอย่างยาวนาน ซึ่งหนึ่งปีมีการให้สัญชาติปีละ 11,000 คนเท่านั้น หากใช้ขั้นตอนเดิมจะใช้เวลาถึง 44 ปี ซึ่งการอนุมัติดังกล่าว เป็นการลดขั้นตอนการให้สัญชาติเท่านั้น พร้อมย้ำว่า กลุ่มสีเทาจะไม่สามารถขอสัญชาติไทยได้ เนื่องจากการเข้ามาประเทศไทย ไม่มีเอกสารทางราชการ ไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่มีประวัติ แต่การดำเนินการดังกล่าว เป็นกลุ่มบุคคลที่มีการติดตามตรวจสอบมาแล้ว 40-50 ปี ดังนั้น ขออย่ากังวล เพราะการให้สัญชาติกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว จะสามารถติดตามควบคุมได้ง่าย เนื่องจากทางราชการสามารถทราบที่อยู่ ทราบการประกอบอาชีพ พร้อมย้ำว่า ไม่ใช่เป็นการมอบสัญชาติให้คนที่เข้ามาประเทศไทยอย่างง่ายดาย