เมื่อชีวิตเราที่เคยสงบสุข อาจต้องสะดุดเพราะ “โรคแพนิค” เป็นโรคที่ทำให้คุณรู้สึกกลัวและวิตกกังวลอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ไม่กล้าออกไปไหน หมกมุ่นเรื่องสุขภาพ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่เราจะรับมือกันอย่างไร?

วันนี้ นายแพทย์ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health ได้เปิดเผยผ่าน “Healthy Clean” ระบุว่า “โรคแพนิค (Panic Disorder)” มีความสัมพันธ์กับความวิตกกังวลและความเครียดที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างฉับพลันโดยบางครั้งไม่มีสาเหตุมากระตุ้นชัดเจน อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวและสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

อาการของโรคแพนิคมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอาการอยู่นาน 1 – 10 นาที บางรายอาจมีอาการนาน 30 นาที – 1 ชั่วโมง หากมีอาการซ้ำภายในสัปดาห์หลายครั้ง ควรรีบมาพบจิตแพทย์ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
-หัวใจเต้นแรง
-เหงื่อออกมาก
-ตัวสั่น
-หายใจไม่ออก หรือมีอาการคล้ายขาดอากาศหายใจ
-เจ็บแน่นหน้าอก
-คลื่นไส้ หรือท้องเสีย
-เวียนศีรษะ หรือรู้สึกอ่อนแรง
-ผิวหนังเย็น หรือร้อนวาบ
-รู้สึกชาหรือร่างกายไม่ค่อยรับความรู้สึก
-กลัวการสูญเสียการควบคุม หรือกลัวตาย

สาเหตุของโรคแพนิคอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสมอง, มีคนในครอบครัวเป็นแพนิค, ประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีต, ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงหรือกระทบต่อจิตใจอย่างหนัก, และเจอเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง

การรักษาโรคแพนิคสามารถทำได้หลายวิธี โดยจิตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น
1.การใช้ยา: ยาที่ใช้รักษาโรคแพนิคมักจะเป็นยากลุ่มต้านอาการซึมเศร้า (Antidepressants) และยาคลายความวิตกกังวล (Anxiolytics) ยาเหล่านี้ช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับความกลัวและความวิตกกังวล
2.การบำบัดทางจิตวิทยา: การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความกลัวและอาการที่เกิดขึ้น และเรียนรู้วิธีการจัดการกับอาการเหล่านั้น
3.การฝึกหายใจและการผ่อนคลาย: การฝึกหายใจลึกๆ และการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อสามารถช่วยลดอาการตื่นตระหนกและทำให้รู้สึกสงบลงได้
4.การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การนอนหลับเพียงพอ และการหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น เช่น คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแพนิคได้

“โรคแพนิคถึงแม้จะไม่ได้อันตรายต่อชีวิต แต่อาจส่งผลกระทบชีวิตประจำวันอย่างมาก เพราะฉะนั้นหากมีอาการเข้าข่ายควรรีบมาพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม” นพ.ณชารินทร์ เผยทิ้งท้าย…

……………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”
อ่านบทความทั้งหมดที่นี่……คลิก