เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ 3 นาย เข้าไปร่วมขบวนการแก๊งตํารวจกับพลเรือนก่อเหตุอุ้ม นายไซ สัญชาติวานูอาตู รีดเงินดิจิทัล 10 ล้าน USDT ตีเป็นเงินไทยประมาณ 300 ล้านบาท ว่า การตรวจค้นมีการนำหมายศาลเข้าไปอย่างถูกต้องโดยมีตำรวจกว่า 10 นาย เข้าร่วมตรวจค้น ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นตำรวจไซเบอร์ 3 นาย ทันทีที่ทราบเรื่องต้นสังกัดได้ดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทันทีตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทําผิด “นิ้วไหนร้าย ก็ต้องตัดทิ้ง” จะดําเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้จะมีการดําเนินการกับผู้บังคับบัญชาการของตํารวจไซเบอร์ทั้ง 3 นาย หากตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยปละละเลยก็จะต้องได้รับโทษทางวินัยฐานกํากับดูแลไม่เรียบร้อย ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ของตํารวจทั้ง 9 นายนั้น เบื้องต้นทราบว่าตํารวจทั้ง 9 นาย เคยอยู่สังกัดตํารวจไซเบอร์ก่อนจะถูกโยกย้ายไปประจําหน่วยต่างๆ ส่วนกรณีที่ 3 ตํารวจไซเบอร์ปัจจุบันเคยมีพฤติการณ์ก่อเหตุในพื้นที่ อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี นั้น ตนไม่ทราบว่ามีประวัติดังกล่าวแต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาดําเนินการกวดขันเข้มงวด ส่วนที่มีกระแสข่าว 3 ตํารวจไซเบอร์เป็นลูกน้องเก่าของนายพลตํารวจระดับสูงภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ

ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวใหญ่ กลุ่มตํารวจที่ก่อเหตุพยายามจะขอเจรจากับผู้เสียหายคืนเงินเพื่อยุติเรื่อง แต่หนึ่งในกลุ่มตํารวจได้ทักท้วงว่าหากคืนเงินจะทําให้เป็นหลักฐานหรือเท่ากับยอมรับว่ากระทําผิดจริง จึงตัดสินใจที่จะเงียบจนกระทั่งมีการออกหมายจับจนเป็นข่าวดังกล่าว