เรียกว่าหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่ สำหรับ “นิว-นภัสสร ภูธรใจ” นักร้องสาวดูโอ้ ที่ถึงแม้จะห่างหายจากวงการเพื่อทำหน้าที่คุณแม่ของ “น้องเสปซ” และศรีภรรยาที่ดีของ “เป็ก-เปรมณัช สุวรรณานนท์” แต่ล่าสุดผันตัวจากศิลปินมาทำค่ายเพลง โดยใช้ประสบการณ์ในวงการมาต่อยอดเปิดค่ายเพลงของเธอเอง

โดยสาวนิว ได้มาร่วมในงานมหกรรมแฉแฟร์ จึงได้พูดคุยถึงการทำค่ายเพลงและอัปเดตครอบครัวและความน่ารักของลูก โดยเธอเผยว่า “ตอนนี้นิวทำค่ายเพลงค่ะ กำลังจะเปิดตัววันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ที่เอ็มสเฟียร์ และจะมีปล่อยเพลงแรกของค่ายด้วย(ยิ้ม) ส่วนที่ตัดสินใจมาทำค่ายเพลงเองก็คิดว่าการทำงานของเรา 20 ปี เราก็จะรู้จักพี่ๆ นักแต่งเพลง แล้วก็มีโอกาสได้ทำอะไรมาค่อนข้างเยอะ ก็รู้สึกว่าหลังจากนี้ก็น่าจะเป็นแม่ดันให้กับน้องๆ รุ่นใหม่ๆ ได้แล้ว และถือโอกาสนี้ได้ทำเพลงเป็นของตัวเองด้วย ก็ปรึกษาจิ๋ว (ปิยะนุช เสือจงพลู) เดี๋ยวแฟนๆ จะถามว่าทำไมพี่นิว พี่จิ๋วถึงแยกกัน เรียกว่าเราเดินทางมาด้วยกัน 20 ปีแล้ว ตอนนี้มันอาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราลองยืนเดี่ยว ลองหาอะไรที่มันเป็นตัวของเราเอง และถ่ายทอดให้กับแฟนๆ ได้ฟัง สำหรับค่ายนี้ คือนิวเตรียมมาตั้งแต่ตอนท้องเลยค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าหลังจากท้องแล้วเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เรามีลูกแล้ว เราก็อยากจะมีลูกหลานอีกเยอะๆ ก็คือเด็กๆ ศิลปินใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้นิวมีศิลปินในค่ายแล้ว 20 กว่าคน แต่จะมีเด็กที่กำลังจะเดบิวต์เป็นศิลปินเลยประมาณ 8 คน ถามว่ามาทำค่ายเอง แล้วงานกับจิ๋วมีแพลนอย่างไรบ้าง คือจิ๋วตอนนี้ก็ทำร้านทำผมอยู่ค่ะ เรียกว่าจิ๋วก็มีอะไรใหม่ๆ ทำ เป็นกิจการใหม่ๆ นิวก็มีทำข้าวเกรียบ มีร้านแบรนด์นิวฟีลกู๊ด แล้วก็จะมีค่าย และจะมีอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นเจลลี่ลดบวม นี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ทำตั้งแต่ตอนท้อง เพราะอยากจะคืนหุ่นเร็วๆ ก็เลยทำผลิตภัณฑ์นี้ออกมา

สำหรับคนที่รอฟังโปรเจ็กต์นิวจิ๋ว ก็มีหลายคนถามเข้ามา แต่ขอเวลานิดนึง เอาจริงๆ ตารางเวลานิวค่อนข้างยุ่ง (หัวเราะ) เลี้ยงลูกด้วย ทำเพลงด้วย เพราะว่าเราตั้งใจจริงๆ อยากให้ลองฟังกันดู เพลงอลังการมากๆ เป็นเพลงที่ยากที่สุดเท่าที่เคยทำเพลงมาด้วย ถามว่าเป๊กจะมาร่วมเป็นศิลปินในค่ายด้วยไหม เป๊กเขาอยากนะ เขาอยากมาอยู่ในสังกัดนิวมากเลย (หัวเราะ) เอาจริงๆ เขาก็ได้อยู่นะ แต่เขาไม่มีเวลาเข้าห้องอัด ส่วนจิ๋วจะมีโอกาสมาร่วมโปรเจ็คค่ายเราบ้างไหม คืออยากมากเลย (ยิ้ม) แต่เขายังไม่ใจอ่อน เพราะตอนนี้เราก็โฟกัสงานของแต่ละคนให้ชัดเจน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสกลับมา แต่ยังไงมิตรภาพความเป็นเพื่อนกันสักวันนึงจะต้องกลับมา พอมาทำค่ายเองแล้วจะมีปัญหาในการทำงานคู่มั้ย สำหรับนิวไม่มีปัญหาเลยค่ะ นิวพร้อมซัพพอร์ตอยู่เสมอ แต่ไม่รู้ว่าจิ๋วเขาอาจจะอยากทำค่ายเองบ้างก็ได้ เราก็แชร์ประสบการณ์ได้ แต่บอกเลยว่าตั้งแต่ 20 ปีนั้นจนมาวันนี้ที่ต้องทำเองใหม่ทั้งหมด ถ่ายรูปทำปก ทำเอ็มวี แต่งเพลง เข้าห้องอัด ต้องเชิญนักข่าวเองอีก เหนื่อยมาก (หัวเราะ) แต่เรารู้ว่าต้องทำอะไร ก็รอฟังกันวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้นะคะ (ยิ้ม)”

นิวได้เผยต่ออีกว่า “ถ้าถามถึงน้องสเปซตอนนี้พัฒนาการเป็นอย่างไรบ้าง สเปซน่ารักมาก เข้าใจแล้วว่าความเป็นแม่ที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างมันเป็นยังไง เรารู้สึกว่าตอนเด็กๆแม่เราก็คงจะรักเรา เหมือนที่เรารักลูกเราเหมือนกัน ส่วนระบบการนอนตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว จากที่เมื่อก่อนตื่นทุก 3 ชม. เรารู้แล้วว่าตอนเย็นต้องกินข้าวให้อิ่ม เพราะตอนนี้น้องฟันขึ้นแล้ว ก็ให้กินข้าวให้อิ่ม กินนมไปนิดนึง แล้วก็หลับยาวค่ะ จะตื่นมา 1-2 ครั้ง เพราะว่าต้องเปลี่ยนแพมเพิท เลี้ยงง่าย กำลังคุย เริ่มแม่ๆ บ๊าย บาย แต่พูดคำแรกคือหม่ำ แม่ ป๊า ตอนแรกเป๊กก็ตกใจ เขาเรียกเป๊กใช่มั้ยป่ะป๊า (ยิ้ม) ในเรื่องของภาวะที่ร้องตอนเย็นๆ ค่ำ ไม่มีเลยค่ะ แต่เคยมีครั้งเดียวตอนที่กลับจากโรงพยาบาลคืนแรก เข้าใจเลยว่าวันแรกคืนแรกเป็นคืนรับน้อง (หัวเราะ) เราก็จะงงๆ กับการเป็นแม่มือใหม่ มีคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน เด็กก็คือเคยอยู่โรงพยาบาลก็ต้องมาอยู่ในที่ใหม่ๆ ความรู้สึกเขาก็คงจะรู้แหละว่ามันไม่เหมือนเดิม เขาก็จะร้อง

ในส่วนพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงในโซเชียลมีบ้าง ส่วนใหญ่จะน่ารักนะคะ จะเข้ามาชม แต่มีครั้งนึงที่นิวไปเล่นกับลูกของจิ๊บ ปกฉัตร แล้วนิวอุ้มลูกของจิ๊บ แล้วน้องสเปซก็อยากให้แม่อุ้มบ้าง ชาวเน็ตก็บอกว่าทำแบบนี้ไม่ดีนะเดี๋ยวลูกจะงอแงไม่รักกัน แล้วก็มีคนอื่นมาตอบให้ว่าไม่ใช่ลูกเขา (หัวเราะ) เขาก็คงไม่รู้จริงๆ แหละแต่ก็ไม่เป็นไร เราก็รับฟัง ทุกคนก็น่ารัก เอ็นดูกับเรา คือน้องสเปซเข้ามาเติมเต็มมากเลยค่ะ เรารู้สึกมีความใจเย็นมากขึ้น มีวุฒิภาวะของความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เรียกว่าเปลี่ยนเป็นอีกคนไปเลย ชีวิตวัยรุ่นมันหายไปแล้ว กลายเป็นคุณแม่เต็มตัว แต่นิวก็คิดว่านิวจะเป็นคุณแม่ที่ไม่ได้เป็นแม๊ แม่ขนาดนั้น จะเป็นแม่ที่เป็นเพื่อนลูก และจะต้องโตทันลูกด้วย เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่แก่ เราจะต้องเป็นเพื่อนกับเขาให้ได้ คือเราก็กลัวจะเป็นคุณแม่สายสปอยเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่มีคนสปอยกว่า เพราะลุงป้าน้าอาซื้อของขวัญ ซื้อของเล่นมาให้ตลอด เราก็เลยไม่ค่อยซื้อของเล่นให้ต้องพยายามควบคุม แล้วก็ศึกษาหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตบ่อยๆ แพลนการมีลูกคนที่สอง เคยปรึกษากันเหมือนกันค่ะ ด้วยความที่นิวก็อายุเลข 4 แล้ว ก็คุยกันว่าจะเอายังไงดี จะไปต่อหรือพอแค่นี้ พอมีเขาคนเดียวเราก็อยากจะให้ความรักกับเขาคนเดียวไปเลย ทุ่มเทไปเลย แต่อีกมุมนึงก็คิดว่ามีสองคนก็ดี ถ้าเกิดวันใดวันนึงเราไปก่อน หายไปไหนก็ไม่รู้ เขาก็ยังมีพี่น้อง ซึ่งเราก็เป็นลูกที่มีพี่น้อง เป๊กก็มีพี่น้อง แต่ด้วยตอนนี้สังคมก็ยาก เรื่องเทคโนโลยี เรื่องการเลี้ยงดูเด็กมันก็ยากขึ้น เรื่องธุรกิจ เศรษฐกิจอีก ก็เป็นเรื่องที่เราคิดอยู่ว่าจะมีต่อหรือพอแค่นี้ แต่ถ้าเกิดอยากจะมีจริงๆ ก็มีฝากไข่ไว้อยู่แล้ว ก็รอดูอีกทีค่ะ เป๊กเขาก็แล้วแต่เรา”