เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ  รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของรัฐบาลกรณีมอบสัญชาติไทยให้แก่ผู้อพยพและบุตรจำนวน 480,000 คน ว่า การที่รัฐบาลได้ประกาศเรื่องนี้ออกมา ถึงเรื่องที่จะมีการมอบสัญชาติให้กับบุคคลรวมถึงบุตรของผู้อพยพจำนวน 480,000 คนนั้น เรื่องนี้มีการศึกษามาเป็นเวลานานตั้งแต่สภาชุดที่แล้ว 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองต้องการที่จะบอกว่า 480,000 คนที่ว่า คือคนไทยที่ตกหล่นและสมควรที่จะได้รับสัญชาติไทยมาตั้งนานแล้ว คนเหล่านี้เขาก็คือคนไทยเหมือนพวกเราทุกคน เพียงแต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่สามารถได้รับสิทธิที่ควรจะได้รับ หลายคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ก็มีการทำรายงานฉบับนี้ส่งไปให้รัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามจะผลักดัน และต้องขอบคุณไปยังรัฐบาลที่เห็นถึงความสำคัญ ทำให้ 480,000 คน ตรงนี้มีโอกาสเป็นคนไทยอย่างภาคภูมิ

ผู้สื่อข่าวถามว่าอาจเป็นช่องโหว่เอื้อทุนสีเทาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่ในหลักการทั้งรัฐบาลและกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เห็นตรงกัน คือ ให้ก่อนถอนทีหลัง หากให้สัญชาติไปแล้วและภายหลังตรวจสอบพบว่าเกี่ยวกับทุนสีเทาที่ผิดกฎหมาย ก็สามารถถอนทีหลังได้และที่วันนี้ให้ไปก่อน เพราะเชื่อว่าคนที่สมควรได้รับมีมากกว่าทุนสีเทา ซึ่งเรื่องเคยคุยกับ พ.ต.อ.ทวี  สอดส่อง  รมว.ยุติธรรม ซึ่งมีหลักการที่ตรงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองการสื่อสารของรัฐบาลอย่างไรในเรื่องการอนุญาตให้สัญชาติ นายรังสิมันต์  กล่าวว่า ความเป็นจริงนั้น ทางรัฐบาลเข้าใช้คำไม่ถูกต้องอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยหลักๆ กฎหมายของประเทศเรา การที่คนชาติอื่นขอแปลงสัญชาติหรือเปลี่ยนสัญชาตินั้น สามารถเป็นไปได้ แต่มีกระบวนการที่ไม่ง่ายโดยมีเรื่องของภาษา จำนวนปีในการอยู่ในประเทศไทยใช้เวลานานมาก ซึ่งกระบวนการของเรานั้นค่อนข้างเข้ม

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้าดูกรอบคำแนะนำจากคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ เราแนะนำในหลักการเช่นนี้ และยอมรับในการตัดสินใจของรัฐบาลในการบริหารจัดการให้ถูกต้องซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมีการตรวจสอบกัน 

นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า “เราไม่ได้สนับสนุนให้ทุนสีเทา เราไม่ได้สนับสนุนให้คนชาติอื่นมาเป็นคนไทย เพียงแต่เราต้องการแก้ไขปัญหาคนไทยที่ตกหล่นเท่านั้น”.