เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่มีคนไทยในอิสราเอล 4 คน เสียชีวิต และอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บ บริเวณชายแดนระหว่างประเทศอิสราเอลกับเลบานอน ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค. 2567 ว่า มีคนไทยในอิสราเอล เสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จากเหตุยิงจรวดจากฝั่งเลบานอนไปยังเมืองเมทูลา ของอิสราเอล ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่านายจ้างได้ขออนุญาตกองทัพอิสราเอล นำแรงงานไทยเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1-2 ชั่วโมง ซึ่งกองทัพอิสราเอลอนุญาต
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายนี้ ได้แก่ 1.นายอรรคพล วรรณไสย มีภูมิลำเนาอยู่ จ.อุดรธานี 2.นายประหยัด พิลาศรัมย์ ภูมิลำเนาอยู่จ.บุรีรัมย์ 3. นายธนา ติจันทึก ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครราชสีมา 4. นายกวีศักดิ์ ปาปะนัง ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 1 ราย คือ นายฉัตรชัย ศิลป์ประเสริฐ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งถูกส่งตัวเข้ารับการผ่าตัด และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองไฮฟา ส่วนนายจ้างที่นำแรงงานไทยเข้าไปพื้นที่ดังกล่าว เสียชีวิตเช่นกัน
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้แจ้งญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ และของผู้เสียชีวิตแล้ว ขณะที่ร่างผู้เสียชีวิต 4 รายนี้ยังอยู่ระหว่างการชันสูตรตามขั้นตอนก่อนจะออกใบมรณบัตรโดยทางการอิสราเอล แล้วจึงจะส่งร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าวกลับประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย และผู้บาดเจ็บ 1 ราย นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้หารือและกำชับฝ่ายอิสราเอลขอให้ไม่อนุญาตนายจ้างนำแรงงานไทยเข้าไปในเขตปิดทางทหารอีก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อดูแลสวัสดิภาพของคนไทยอย่างเต็มที่
“ประเทศไทยขอย้ำความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉนวนกาซา เลบานอน และพื้นที่อื่นในภูมิภาค ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ประเทศไทยขอย้ำข้อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้ง โจมตีตอบโต้กันโดยใช้อาวุธในทันที เพื่อไม่ให้สถานการณ์ยืดเยื้อ วิกฤติมนุษยธรรมย่ำแย่ลง เพื่อเร่งฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นภูมิภาคแห่งโอกาสและความหวัง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการปล่อยตัวประกัน ซึ่งรวมถึงคนไทยที่เหลืออยู่โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข ในฐานะสมาชิกสหประชาชาติประเทศผู้สนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติมาอย่างยาวนาน และเพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยขอย้ำให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน รวมถึงการปกป้องบุคลากร เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ และเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ประชาคมโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและวิกฤติต่างๆ หลากหลายรูปแบบ ซึ่งต้องการความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการตอบสนองที่เป็นเอกภาพในระดับสากล ประเทศไทยจึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายหาทางออกให้กับสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยการเจรจาทางการทูตอย่างสันติและสร้างสรรค์ บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และแนวทาง 2 รัฐ ที่มีรัฐอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์อยู่เคียงคู่กันอย่างสันติสุขและมั่นคง.