นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้จับมือกับกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดงาน“Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025” หรือ JGAB 2025 ในระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน 2568 บนพื้นที่กว่า 17,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตอบรับการขยายตัวในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับเอเชียและทั่วโลก สร้างโอกาสที่ดีที่สุดแก่ผู้ประกอบการไทยและกลุ่ม SMEs 

ขณะเดียวกันเพื่อตอบโจทย์กระแสความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมีเอกลักษณ์แบบ Made In Thailand ให้รู้จักไปทั่วโลกพร้อมเสริมแรงขับเคลื่อนจากสนับสนุนในโครงการ “SME ปัง ตังค์ได้คืน” ให้ผู้ประกอบการมีโอกาสออกงานแสดงสินค้าด้วยเงินอุดหนุน 80% หรือสูงสุด 2 แสนบาทต่อราย คาดการมีผู้ซื้อเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 12,000 ราย จาก 75 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศอินเดียและจีน ศูนย์กลางตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ที่พร้อมเป็นเครือข่ายแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย เติบโตในตลาดสากลอย่างมีประสิทธิภาพ

“งานแสดงสินค้า Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025(JGAB 2025) มีหมุดหมายเพื่อเป็นเวทีสำหรับรองรับการเติบโตของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งด้วยกระแสความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพที่มีเอกลักษณ์จากผู้ซื้อสากล ทำให้งานครั้งนี้ คือโอกาสดีที่สุดที่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs จะได้แสดงศักยภาพของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย โดยฝีมือคนไทย (Made In Thailand) ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

นายจิรบูลย์  วิทยสิงห์ กรรมการและรองเลขานุการสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) กล่าวว่า ความสำเร็จในโครงการ “SME ปัง ตังค์ได้คืน” ร่วมกับงานแสดงสินค้า Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) ครั้งที่ผ่านมา โดยได้ทำการสนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประกอบการที่มาจัดแสดง จำนวน 37 ราย และได้สร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ โดยเฉพาะการต่อยอดพัฒนาธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้การพัฒนาสินค้ากลุ่ม SMEs มีคุณภาพและความหลากหลายมากยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองต่อความต้องการในตลาดโลกได้อย่างดี

สำหรับงาน JGAB 2025 ในปีหน้า ยังคงได้รับการสนับสนุนจากโครงการ SME ปัง ตังค์ได้คืน ซึ่งมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ด้วยเงินอุดหนุนสูงถึง 80% หรือไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย พร้อมผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยตอบรับมาตรการการลงทุนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ อาทิ กระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม จากความสำเร็จของโครงการในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 37 ราย คาดว่าในปี 2568 จะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ในระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 9,301.92 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยนับเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.44 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่หากไม่นับรวมการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป จะพบว่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 5,103.78 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.65เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 

ช่วงเวลาตั้งแต่ปีนี้ถึงปีหน้า ผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยมีโอกาสที่ดีท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ซึ่งช่วยเพิ่มอำนาจซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างยุโรปและจีน ประกอบกับนโยบายสนับสนุนการส่งออกของภาครัฐยังเสริมให้สินค้ากลุ่มนี้เติบโตในทุกประเภท เช่น เครื่องประดับเงิน โต 20.66% หรือพลอยเนื้อแข็ง โต 5.31% นอกเหนือจากนี้ ด้วยนโยบายลดอุปสรรคด้านการนำเข้าอัญมณีจะช่วยให้การจัดงานแสดงสินค้าในไทย อย่างงาน JGAB 2025 กลายเป็นเวทีสำคัญในการกระตุ้นความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมช่วยส่งเสริมธุรกิจระหว่างประเทศได้อย่างดี