จากกรณี เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 67 คณะรัฐมนตนรี เห็นชอบในหลักการ หลักเกณฑ์เร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล ให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทยเป็นเวลานานและบุตรที่เกิดในไทย ตามที่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ โดยเป็นการร่นระยะเวลาการดำเนินงานจากกว่าร้อยวัน เหลือเพียง 5 วัน ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย คือ ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ 19 กลุ่มที่อยู่อาศัยในไทยมานานรอการพิจารณากำหนดสถานะอยู่จำนวน 483,626 คน

เปิดหลักเกณฑ์ ‘ให้สัญชาติ’ ผู้อพยพ ร่นระยะเวลาดำเนินงานเหลือเพียง 5 วัน

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นายสุรพงษ์ กองจันทึก เลขานุการประจำคณะกรรมการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการกลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎ กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมรัฐบาลที่เห็นความสำคัญ และเร่งแก้ไขปัญาให้กับกลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน และบุตรที่เกิดในประเทศไทย โดยให้บุคคลบางกลุ่มได้สัญชาติไทย และบุคคลบางกลุ่มได้รับสิทธิ์ถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทย ที่ผ่านมาการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปด้วยความล่าช้ามาก แม้จะมีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ 180 – 270 วัน แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่าผู้ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทย ต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปี หรือบางรายพบว่าการยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการ ใช้เวลากว่า 10 ปี จึงเป็นปัญหาที่ค้างคามาโดยตลอด

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีการเห็นชอบในหลักการ ให้มีการลดขั้นตอนต่างๆลง รวมถึงระยะเวลา และรายละเอียดบางเรื่อง โดยให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 5 วัน ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล ให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทยเป็นเวลานานและบุตรที่เกิดในไทย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้ คือกลุ่มบุคคลเดิม ไม่ใช่เป็นการให้สัญชาติกับกลุ่มใหม่ โดยกลุ่มเดิมได้แก่ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ 19 กลุ่มที่อยู่อาศัยในไทยมานานรอการพิจารณากำหนดสถานะ

โดยกลุ่มเหล่านนี้ ขาดโอกาสและสิทธิต่างๆ ที่ควรจะมี ซึ่ง รัฐเองเห็นจำนวนผู้มีสิทธิ์อยู่แล้ว ได้แก่กลุ่มบุคคลที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติไว้ในอดีต จนถึงปี พ.ศ.2542 (เลขประจำตัวประเภท 6) และที่สำรวจเพิ่มระหว่างปี 2548 – 2554 (เลขประจำตัวประเภท 0 กลุ่ม 89) บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ภายในปี พ.ศ.2542 เด็กและบุคคลที่กำลังเรียนหรือจบการศึกษาแล้ว คนไร้รากเหง้า และคนที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศซึ่งเข้ามาอยู่อาศัยภายใน 18 ม.ค.2548 แต่ตกหล่นจากการสำรวจ (เลขประจำตัวประเภท 0 กลุ่ม 00) บุตร ของชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ 19 กลุ่ม มีหลักฐานการเกิดในไทยแต่ยังไม่ได้รับสัญชาติ พูดและเข้าใจภาษาไทยกลาง หรือภาษาถิ่นที่ใช้แพร่หลายในพื้นที่ภูมิลำเนา การที่คณะรัฐมนตรเห็นชอบในหลักการดังกล่าว ทำให้ กลุ่มบุคคลเหล่านี้ สามารถดำเนินการขอสัญชาติไทยได้อย่างเร็วขึ้น การขอใบสำคัญถิ่นที่อยู่ของชนกลุ่มน้อย ลดเวลาดำเนินการ จาก 270 วัน เหลือ 5 วัน ในการขอมีสัญชาติ.