น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า ขณะนี้มีรัฐบาลใหม่แล้วถือเป็นโอกาสดีที่จะสังคายนาการทำงานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของ สคบ. ซึ่งที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนหลายเรื่องที่สะสมอยู่ใน สคบ. ไม่ได้รับการแก้ไข หลายเรื่องหมักหมมจนปะทุออกมาเป็นเรื่องร้อนในสังคมจึงจะมีความคืบหน้า ต้องยอมรับว่าบางประเด็นเกินอำนาจของ สคบ. จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีจะต้องมีการส่งหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้นหลังจากนี้จะต้องทำงานบูรณาการร่วมกัน พร้อมสังคายนากฎหมายที่บังคับใช้อยู่ให้มีความทันสมัย สะดวกต่อการทำงาน มีความรวดเร็วขึ้น เกิดการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างตรงจุด ทำกฎหมายให้มีความเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้จากกรณีของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ได้มีการตั้งคณะทำงานอีกชุดเพื่อสังเกตข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก่อให้เกิดความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ก็จะนำประเด็นเหล่านี้มาศึกษาเพื่อจะนำไปแก้ไข

“ได้มอบนโยบายให้กับ สคบ. ไปศึกษา พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ปี 2562 และพ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ว่ามีส่วนไหนมาตราไหนที่ไม่ได้อัปเดตแล้ว เพราะกฎหมายเขียนมานานหลายปีแล้ว รูปแบบการประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ดังนั้นกฎหมายจะต้องปรับปรุงให้ทัน รวมถึงดูสัดส่วนการวางหลักประกันการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงมีความเหมาะเพียงพอที่จะจ่ายชดเชยค่าเสียหายต่อผู้บริโภคหรือไม่ เพราะในส่วนของกฎหมายธุรกิจขายตรงมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายแชร์ลูกโซ่ ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังหรือสศค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปแก้กฎหมายแล้ว ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือคคบ. สศค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรืออย. ก็คงจะมีการศึกษาข้อกฎหมายร่วมกันเพื่อเชื่อมโยงข้อกฎหมายในการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ” น.ส.จิราพร กล่าว