เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พานายเอ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี อาชีพวิศวกร ผู้เสียหายที่เคยเป็นลูกความของทนายความชื่อดัง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังถูกทนายหลอกนำรถที่ถูกยึดของลูกความไปใช้เอง โดยไม่คืนไฟแนนซ์ตามคำสั่งศาล เป็นเหตุให้ไฟแนนซ์ตามยึดทรัพย์อื่นของลูกความ

โดย อี้ แทนคุณ เปิดเผยว่า เนื่องจากผู้เสียหายหลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อว่า ทนายคนดังกล่าวเป็นคนดีปกป้องพระพุทธศาสนา ได้การยอมรับว่ามีฝีมือและมีชื่อเสียง ซึ่งผู้เสียหายมีปัญหาเรื่องบิ๊กไบค์ติดไฟแนนซ์ และถูกไฟแนนซ์ร้องต่อศาลจนเป็นคดี เมื่อจ้างทนายให้ช่วย มีการจ่ายค่าจ้างไป 25,000 บาท โดยทางผู้เสียหายขอผ่อน ทนายคนดังกล่าวจึงคิดราคาค่าจ้างรวมค่าผ่อนเป็น 30,000 บาท

หลังจากนั้นศาลมีคำพิพากษาให้ทางผู้เสียหายคืนรถและจ่ายค่าส่วนต่าง ผู้เสียหายก็ยินดีที่จะคืนเงินและรถให้ แต่ปรากฏว่าทนายคนดังกล่าวบอกกับผู้เสียหายว่า อย่าเอาไปคืนเอง หากมีการเซ็นเอกสารผิดพลาดขึ้นมาจะทำให้รูปคดีเสียหาย ตัวทนายอ้างว่าเป็นนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญจะจัดการให้ แล้วยังให้เอารถไปมอบให้ทนายที่สำนักทนายความ เมื่อผู้เสียหายนำรถไปให้ทนายพร้อมคู่มือเล่มสีเหลืองกับสีแดงรวมไปถึงกุญแจรถ หลังจากนั้น 4-5 วัน พบว่ามีคนในกลุ่มโพสต์ขายเล่มเหลืองเล่มแดงของตนที่ไปฝากกับทนายไว้ ตนจึงทวงถามทนาย แต่ทนายบอกว่าเล่มยังอยู่ปกติดี ตนจึงไม่ได้สงสัยอะไร

ต่อมา ทางไฟแนนซ์ก็มีการติดตามทางผู้เสียหายว่าไม่ได้รถคืน ทางผู้เสียหายจึงมีการทวงถามกับทนายอยู่ตลอดว่า นำรถไปคืนแล้วหรือไม่ ปรากฏว่า มีภาพทนายดังกล่าวนำจยย.ไปขับขี่เอง ซ้ำร้ายกว่านั้นยังมีหมายศาลมาอีกฉบับหนึ่ง เป็นการอายัดบ้านที่ดอนเมืองของผู้เสียหาย เมื่อทวงถามทนายก็บอกว่ารถไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน และบอกว่ารถอยู่ที่บ้านของทนายที่ จ.สระแก้ว แล้วบอกกับผู้เสียหายว่า รถมีปัญหาเครื่องร้อน เมื่อผู้เสียหายได้รถคืนพบว่ารถมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องนำไปซ่อม และไปประเมินราคาขายเพื่อจ่ายไฟแนนซ์ไม่ให้ยึดบ้าน นอกจากนี้ผู้เสียหายต้องไปรวบรวมกู้เงิน เพื่อไถ่บ้าน โดยผู้เสียหายนอกจากจะเสียเงินเพิ่มแล้วยังเสียเครดิตอีกด้วย จึงได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้.