กรณีเหตุการณ์พลุยักษ์ใช้จุดงานฉลองบุญกฐิน บริเวณถนนรอบหนองน้ำสาธารณะปราการ ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะหมู่บ้านเก่าน้อย หมู่ 3 ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ในที่เกิดเหตุ และบาดเจ็บ 7 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อาการสาหัส เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พลุงานฉลองกฐินระเบิด ดับ 2 เจ็บ 7 ราย เผยใช้ค้อนเหล็กตอกบั้งพลุเพื่อทำชนวนจุด

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธภูมิ นาชัยเริ่ม นายอำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายพูนเพิ่ม พรไตรศักดิ์ ปลัดอำเภอ นายปฏิพัฒน์ สีทอนราช ปลัดอำเภอ และสมาชิก อส. ลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ ซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกมลาไสย 2 ราย คือ นายประสาน อายุ 62 ปี และนายชาญชัย อายุ 46 ปี บาดเจ็บเป็นแผลขาทั้งสองข้าง อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์

ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่า ผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย ซึ่งหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วเกิดทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นนายอำเภอกมลาไสย พร้อมคณะ ได้เข้าให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์พลุระเบิดทั้ง 4 ราย ประกอบด้วยนายสถิตย์ ศรีพงษ์ยิ่ง อายุ 75 ปี เจ้าของพลุที่ระเบิด นายบุญช่วย คำมูลนาม อายุ 65 ปี นายเอกสิทธิ์ สีหา อายุ 35 ปี และนายสายัณห์ พัฒนสาร อายุ 45 ปี พร้อมกำชับให้ผู้นำชุมชน ช่วยกันอำนวยความสะดวกในเรื่องจัดการงานศพ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นอย่างเต็มที่

นายพุทธภูมิ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลาไสย ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยกู้ชีพกู้ภัย ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพิ่มอีก 2 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บนั้น พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกมลาไสย 2 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ 2 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 1 ราย

นายพุทธภูมิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า วันเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ได้นำพลุของนายสถิตย์ ที่ประกอบขึ้นและได้รับการว่าจ้าง ซึ่งขออนุญาตจุดถูกต้องตามกฎหมาย มาเตรียมจุดในงานบุญกฐินที่บ้านเก่าน้อย จากนั้นได้มีการนำค้อนและตะปูมาตอกที่พลุจนเกิดประกายไฟ ทำให้พลุระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ ทางนายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่งดการจุดพลุ เน้นย้ำทุกอำเภอ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในช่วงงานบุญกฐิน ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม ถึง 15 พฤศจิกายน 2567 พร้อมกำชับให้การช่วยเหลือและดูแลครอบครัวผู้บาดเจ็บ รวมทั้งการเยียวยาจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิต

ขณะที่ในส่วนความคืบหน้าของคดีล่าสุด พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล รอง ผกก.สอบสวน สภ.กมลาไสย พร้อมด้วย ร.ต.อ.บัญชา นาชัยฤทธิ์ เจ้าของคดี และทีมพนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย ได้เรียกสอบพยานแวดล้อม และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้ว 5 ราย เบื้องต้นทราบว่า วันเกิดเหตุนายสถิตย์ ซึ่งเป็นเจ้าของพลุ และกลุ่มผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต นำพลุมาเตรียมจุดในงานกฐิน แต่ระหว่างก่อนจุดได้นำค้อนและตะปู มาตอกที่ปากกระบอกพลุ เพื่อเจาะทำชนวนแล้วเกิดประกายไฟ ทำให้พลุซึ่งมีขนาดความสูง 170 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว ระเบิดเสียงดังสนั่นมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายรายดังกล่าว

ทั้งนี้หลังรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำเสร็จแล้ว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อกล่าวหา กระทำโดยประมาทเป็นให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสกับนายสถิตย์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจ้าของพลุ และเป็นคนนำค้อนตอกตะปู และจะสรุปสำนวนดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นายประสาน อรุณรัตน์ ผญบ.บ้านแจ้ง หมู่ 7 ต.เจ้าท่า กล่าวว่า ปกตินายสถิตย์ มีอาชีพทำนา ส่วนการทำพลุนั้นเป็นอาชีพเสริม จะทำขึ้นเพื่อเอาไปร่วมงานบุญประเพณีเท่านั้น วันเกิดเหตุก็นำพลุที่ทำขึ้นไปจุด แล้วเกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้น ซึ่งต่อจากนี้ทางผู้นำชุมชนก็จะต้องช่วยเหลือในการจัดการงานศพ และช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต และจะกำชับชาวบ้านไม่ให้จุดพลุ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำอีก