กรณีเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาสำคัญในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยว่า บอสพอลออกอาการไม่พอใจอย่างมาก สั่งให้ดำเนินคดี ม.157 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. และข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิดกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หลังทราบว่าระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชแล็ป ปรากฏว่านายอัจฉริยะ มีพฤติกรรมเข้าไปร่วมรับฟังภายในห้องพนักงานสอบสวนของเรือนจำฯ โดยที่ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี หรือได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความ/ที่ปรึกษากฎหมายของโค้ชแล็ปแต่อย่างใด ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

‘บอสพอล’ ฉุน ‘อัจฉริยะ’ โผล่ร่วมสอบ ‘โค้ชแล็ป’ สั่งทนายดำเนินคดีม.157 ตำรวจยกชุด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานเบื้องต้นว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มีความประสงค์เดินทางเข้าไปเพื่อนำเอกสารไปให้นายจิระวัฒน์ ลงนามแต่งตั้งเป็นทนายความ แต่ทางนายจิระวัฒน์ ได้ปฏิเสธไม่เอา เพราะแจ้งว่ามีทนายความอยู่แล้ว ส่วนกรณีว่านายอัจฉริยะ ได้เข้าไปนั่งอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนของเรือนจำฯ จริงหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนพฤติการณ์ของนายอัจฉริยะ จะเป็นการละเมิดพื้นที่ของเรือนจำฯ หรือไม่ ก็จะต้องไปตรวจทานรายละเอียดภายในหนังสือของพนักงานสอบสวนก่อน ที่สำคัญหากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเป็นการบุกรุกเข้าไปเอง ทางเรือนจำฯ ก็จะต้องละเว้นการให้เข้าเยี่ยม/เข้าพบของบุคคลดังกล่าว นอกจากนี้ อีกประการสำคัญคือต้องสอบถามไปทางพนักงานสอบสวนด้วยว่ามีการอนุญาตให้นายอัจฉริยะ เข้าไปภายในห้องสอบสวนของเรือนจำฯ จริงหรือไม่ และให้เข้าไปด้วยกันในฐานะใด ทั้งนี้ ตนอาจจะได้มีหนังสือส่งไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งว่ากิจกรรมแบบนี้ไม่ควร