เมื่อวันที่ 25 ต.ค. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี ประธานอนุกรรมการการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่ภาคกลาง ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านหนองเสือ (เรืองวิทยานุกูล) อ.เมือง จ.นครปฐม ติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือราษฎรบ้านหนองเสือ โดยมีนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด (เกษียณ) กล่าวรายงาน ตามที่ได้มีราษฎรบ้านหนองเสือ ยื่นหนังสือต่อเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ถวายฎีกา) กรณีประสบปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน เนื่องจากคลองหนองเสือ ช่วงที่ไหลผ่านโรงเรียนวัดหนองเสือ (เรืองวิทยานุกูล) มีความตื้นเขิน และไม่มีพนังกั้นน้ำ จึงไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ท่วมพื้นที่โรงเรียนและบ้านเรือนประชาชนโดยรอบ ในช่วงฤดูแล้ง จะประสบปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคและการทำเกษตรกรรม มีหลายหน่วยงานเข้าร่วมประชุม อาทิ ดร.สุทธิวัฒน์ มากมี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนองเสือ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครปฐม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรโยธา กรมชลประทาน ผู้แทนจากรมเจ้าท่า ชลประทานจังหวัด เกษตรจังหวัด นายอำเภอเมืองนครปฐม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะครูและนักเรียนให้การต้อนรับ

โดยใช้เวลากว่า 1 ชม. ในการประชุม เพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แนวทางการแก้ไข ตลอดถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เบื้องต้นกำหนดให้มีการทำตลิ่งป้องกันน้ำ ระยะทางประมาณ 200 เมตร ต่อจากโครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ปรับปรุงฝายกั้นน้ำเดิมให้แข็งแรง สมบูรณ์ และใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงทำรั้วป้องกันนักเรียนวิ่งเล่นและลื่นตกน้ำ ที่ประชุม กำหนดให้เร่งดำเนินการเรื่องเอกสาร รายละเอียดทั้งหมด และส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เสนอต่อที่ประชุมคณะองคมนตรี พิจารณากลั่นกรอง และทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงให้ทรงมีพระราชวินิจฉัยต่อไป

ในโอกาสนี้ ได้แนะนำให้ปลูกหญ้าแฝก เพื่อเป็นเครื่องยึดตลิ่งยึดดินไม่ให้พังลงไปกับสายน้ำ พร้อมกันนี้ ยังได้แนะนำการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม ของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ซึ่งสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยองคมนตรี ได้ลงพื้นที่ดูสภาพปัญหาคลองที่จะต้องดำเนินการแก้ไข สภาพโดยรวมของโรงเรียน ก่อนจะมอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียน